โคราชผุดรถไฟฟ้ารางเบา รับเมืองเติบโต งบ1.5หมื่นล้าน-เฟสแรกเปิดใช้ปี66
Loading

โคราชผุดรถไฟฟ้ารางเบา รับเมืองเติบโต งบ1.5หมื่นล้าน-เฟสแรกเปิดใช้ปี66

วันที่ : 20 เมษายน 2560
โคราชผุดรถไฟฟ้ารางเบา รับเมืองเติบโต งบ1.5หมื่นล้าน-เฟสแรกเปิดใช้ปี66

สนข.เร่งศึกษาแผนแม่บทแก้ปัญหาจราจรโคราช หลังเมืองเติบโตรวดเร็ว ชี้รถไฟรางเบาหรือ LRT เหมาะสมที่สุดคาดใช้งบก่อสร้าง 1.5 หมื่นล้านบาท ค่าโดยสารไม่เกิน 20 บาท เผยเปิดเวทีรับฟัง 2 ครั้งชาวโคราชตอบรับดี คาดเฟสแรกเปิดใช้งานได้ในปี 66

นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า ตามที่ สนข.ได้มอบหมายให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) ทำการศึกษาแผนแม่บทจราจร และแผนแม่บทพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะในเขตเมืองนครราชสีมา เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรอย่างยั่งยืน โดยมีระยะเวลาดำเนินการ 14 เดือน โดย สนข. ได้ลงพื้นที่จัดประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group) เพื่อพบปะกับกลุ่มผู้นำชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จำนวน 12 ครั้ง และได้จัดสัมมนาใหญ่ไปแล้วจำนวน 1 ครั้ง เพื่อให้ประชาชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้เข้ามารับรู้และมีส่วนร่วมในการดำเนินโครงการตั้งแต่ขั้นตอนศึกษาการวางแผนโครงการ เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปด้วยความโปร่งใส ชอบธรรม และเป็นประโยชน์สูงสุดต่อส่วนรวม

ทั้งนี้ จากผลการศึกษาพบว่า ระบบขนส่งสาธารณะที่เหมาะสมกับเมืองนครราชสีมา คือ ระบบรถรางเบาระดับพื้น (High Floor) ซึ่งจะเป็นระบบหลัก มีระบบรถโดยสาร (Bus Technology) เป็นระบบรอง สำหรับแนวเส้นทางระบบขนส่งสาธารณะ มีทั้งหมด 3 เส้นทางหลัก ได้แก่ สายสีเขียว สายสีส้ม และสายสีม่วง โดยจุดจอดแต่ละสถานี จะมีระยะห่างกันประมาณ 1 กิโลเมตร

ศ.ดร.สุขสันติ์ หอพิบูลสุข หัวหน้าสาขาวิชาวิศวกรรมโยธา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ในฐานะผู้จัดการโครงการ เปิดเผยถึงรายละเอียด โครงการศึกษาแผนแม่บทฯ ว่า แนวคิดการจัดทำแผนแม่บทจราจรและระบบขนส่งสาธารณะ เริ่มจากผลการสำรวจปริมาณการเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองพบว่า 51% เป็นรถและการเดินทางผ่านเมือง จึงเสนอแผนการวางโครงข่ายถนนด้วยถนนวงแหวนทั้งรอบนอกและรอบในให้สมบูรณ์ เพื่อผันรถผ่านเมืองให้วิ่งอ้อมเขตเมืองได้สะดวกไม่ต้องเข้ามาในเขตเมือง ส่วน 49% เป็นการเดินเท้า ทางเข้า-ออกตัวเมือง เสนอแผนให้มีระบบขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และรณรงค์ให้ประชาชนลดการใช้รถยนต์ ส่วนบุคคลเข้าเมือง หันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะแทน จากผลการศึกษาและทำนายปริมาณความต้องการเดินทาง นำมากำหนดเส้นทางระบบขนส่งสาธารณะ 3 เส้นทาง คือสายสีเขียว สายสีส้ม และสายสีม่วง มีแผนการดำเนินโครงการพัฒนา เป็น 3 ระยะ ระยะที่ 1 สายสีเขียวและสีส้ม เปิดบริการปี 2566 ระยะที่ 2 สายสีม่วง เปิดบริการปี 2569 และ ระยะที่ 3 ส่วนต่อขยายทั้งหมด เปิดบริการปี 2572

"อนาคต 20 ปี คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะประมาณ 2 หมื่นคนต่อชั่วโมงต่อทิศทางในชั่วโมงเร่งด่วน ผลการเลือกรูปแบบเทคโนโลยีระบบขนส่งสาธารณะที่เหมาะสมที่ ความเร็วประมาณ 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีทางเลือก 2 กลุ่มคือ รถเมล์ ไฟฟ้า ด่วนพิเศษ (Electric Bus Rapid Transit : BRT และรถรางเบา (Light Rail Transit : LRT) สรุปผลการเปรียบเทียบโดยใช้กระบวนการวิเคราะห์ตามลำดับชั้น (Analytic Hierarchy Process : AHP) ตามเกณฑ์ 5 ข้อ ในการจัดลำดับความสำคัญ (ความน่าเชื่อถือของเทคโนโลยี ความเหมาะสมทางกายภาพ ศักยภาพในการรองรับปริมาณผู้โดยสาร ต้นทุนที่เกี่ยวข้องและค่าโดยสาร และผลกระทบสิ่งแวดล้อมและชุมชน) พบว่าระบบ LRT มีความเหมาะสมมากที่สุดแผนแม่บท ระบบขนส่งสาธารณะจึงเสนอให้ใช้ระบบ LRT มีโครงสร้างทางวิ่งระดับพื้นดิน ผลการรับฟังความคิดเห็นจากเวทีต่างๆ ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับเส้นทางรถไฟฟ้าทั้ง 3 สาย"

ศ.ดร.สุขสันติ์ กล่าวอีกว่าสำหรับงบประมาณในการก่อสร้างโครงการดังกล่าว คาดว่าจะใช้งบประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท ขั้นตอนจากนี้จะมีการสัมมนาครั้งใหญ่อีก 1 ครั้งถือเป็นครั้งที่ 3 เพื่อสรุปแผนทั้งหมด ก่อนที่จะสรุปเพื่อนำเสนอรัฐบาลให้ความเห็นชอบแผน และใช้แผนนี้ในการพัฒนาโครงการต่อไปในอนาคต ส่วนจะสามารถเริ่มต้นได้ตามแผนที่วางไว้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของรัฐบาล

"โดยจะแบ่งการดำเนินการออกเป็น 3 ระยะ เฟสแรกจะเป็นเส้นทางสายสีเขียวและสีส้ม ช่วงปี 2563-2565 เฟสที่ 2 เป็นเส้นทางสายสีม่วง ช่วงปี 2566-2568 และเฟสที่  3 เป็นเส้นทางส่วนต่อขยาย ช่วงปี 2569-2571 ส่วนอัตราค่าโดยสารอยู่ที่ประมาณ 15-20 บาทตลอดสาย ซึ่งก่อนการก่อสร้างเส้นทางตามแผนแม่บท จะมีการนำรถพลังงานไฟฟ้ามาทดลองวิ่งให้บริการก่อน เพื่อพิจารณาว่าได้ผลดีตามที่ได้ทำการวิจัยหรือไม่ ก่อนจะลงทุนทำ LRT"

ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ

 

 

 

ข่าวพัฒนาสาธารณูปโภค อื่นๆ