วันนี้จังหวัด "อุดรธานี" หัวเมืองใหญ่ของภาคอีสานตอนบน ยังคงเป็นหมุดหมายสำคัญของนักลงทุน ซึ่งการลงทุนที่ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศจะยังชะลอตัวก็คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งบ้านเดี่ยว อาคารพาณิชย์ โฮมออฟฟิศ โดยมีทั้งทุน ต่างถิ่น นักลงทุนหน้าใหม่ และทุนท้องถิ่น ที่พยายามหาช่องว่างทางการตลาดผุดโครงการใหม่ ๆ รองรับลูกค้าบางกลุ่มที่ยังมีกำลังซื้อ หรือกลุ่มที่ซื้อเพื่อการลงทุนในอนาคต

          ทำโปรดักต์ให้ตรงกลุ่มลูกค้า

          อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ภาพรวม ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดอุดรธานีในตอนนี้ "นายณัฐวัชร สวนสุจริต" รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สิทธารมย์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ในฐานะกรรมการสมาคมอสังหาริมทรัพย์อุดรธานี เปิดเผยว่า ปัญหาใหญ่คือ

          การขอกู้สินเชื่อของสถาบันการเงินที่ ถูกปฏิเสธ มีอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ 30-50% ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่หนักที่สุดในรอบหลายปี

          ทั้งนี้ ผลพวงมาจากผู้บริโภคมีหนี้ ครัวเรือนเพิ่มมากขึ้น และทางสถาบันการเงินเพิ่มความเข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่อ ซึ่งทำให้ภาพรวมการซื้อขายบ้านเกิดการชะลอตัวต่ำกว่าแผน เช่น เมื่อลูกค้าเข้ามาซื้อบ้านกับโครงการ 10 ราย จะมีลูกค้าที่กู้ไม่ผ่านประมาณ 5 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก ทำให้ผู้ประกอบการในจังหวัดต้องรีบปรับตัว วางกลยุทธ์โปรโมชั่นต่าง ๆ หรือให้ส่วนลดมากขึ้นเพื่อระบายบ้านในสต๊อกออกไป

          ปัจจุบันโครงการบ้านจัดสรรใน จ.อุดรธานีมีประมาณ 26 โครงการ และในปี 2559 ได้รับอนุญาตจัดสรรกว่า 10 โครงการ แต่จะขึ้นโครงการจริง ๆ ราว 8 โครงการ และที่เหลือผู้ประกอบการรอดูสถานการณ์อยู่ ซึ่งยังไม่มีกลุ่มทุนหน้าใหม่เข้ามาลงทุน เนื่องจากปัจจัยสำคัญ คือ ราคาที่ดินสูงมาก ทำให้ไม่สามารถทำราคาขายตามที่ตลาดต้องการได้

          ดังนั้น คนที่อยากลงทุนใหม่จะต้องหาที่ดินในทำเลที่เหมาะในการทำธุรกิจ และทำโปรดักต์ให้ตรงกับกลุ่มลูกค้าที่สามารถกู้ซื้อบ้านได้ ซึ่งทำเลที่น่าลงทุน ได้แก่ พื้นที่ในโซนวงแหวนทิศตะวันออก ช่วงทางออกหนองคายไปจนถึงทางออกไปขอนแก่น

          สำหรับฐานข้อมูลในขณะนี้ พบว่ากลุ่มบ้านจัดสรรมีจำนวนรวมประมาณ 2,600 ยูนิต คาดว่าจะอยู่ในแผนการขายในปี 2560 ประมาณ 30% หรือประมาณ 800 ยูนิต ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 1,800 ยูนิต จะเป็นแผนการขายในปี 2561-2563 ส่วนกลุ่มคอนโดมิเนียมประมาณการขายในปี 2560 น่าจะสูงถึงประมาณ 80% หรือประมาณ 1,200 ยูนิต เนื่องจากโครงการคอนโดฯส่วนใหญ่สร้างเสร็จแล้ว

          ขณะที่ในปี 2560 คาดว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดอุดรธานียังมี แนวโน้มที่ดีขึ้นกว่าปี 2559 แบบค่อย ๆ ขยับตัว เนื่องจากปัจจัยหลักคือ 1.บ้านเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนที่จะสร้างครอบครัว หรือต้องการมีบ้านอยู่อาศัย 2.เป็นทางเลือกของผู้บริโภคที่มีโอกาสเลือกซื้อบ้านราคาพิเศษพร้อมโปรโมชั่น ซึ่งถือเป็นโอกาสดีของผู้บริโภค และ 3.ดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านยังอยู่ในอัตราที่ยังไม่สูง

          สิทธารมย์ฯลุยต่อ 3 โครงการ

          สำหรับบริษัทสิทธารมย์ฯ ซึ่งอยู่ในเครือของบริษัท อาดามัส อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หลังจากได้เข้ามาพัฒนาโครงการหมู่บ้านจัดสรรแห่งแรกในจังหวัดอุดรธานีเมื่อปี 2552 จำนวน 342 ยูนิต ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี และปิดโครงการไปเมื่อประมาณต้นปี 2557 หลังจากนั้น ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศมีการชะลอตัว จึงได้ชะลอการพัฒนาโครงการใหม่ในช่วงปี 2557-2558 อย่างไรก็ตาม คาดว่าสถานการณ์โดยรวมของประเทศจะค่อย ๆ ขยับตัวในทางที่ดีขึ้นในปี 2560 เป็นต้นไป จึงได้ทำการพัฒนาโครงการที่ 2 สิทธารมย์ พาร์ค ไลฟ์ในปี 2559 ราคาเริ่มต้นที่ 3.49 ล้านบาท

          "ตลาดบ้านจัดสรรในจังหวัดอุดรธานีมีการแข่งขันกันสูงมาก ทั้งโครงการของบริษัทมหาชนจากส่วนกลาง และ ผู้ประกอบการท้องถิ่น ประกอบกับภาพรวม บ้านจัดสรรในจังหวัดอุดรธานี มีบ้านที่รอขายอยู่เกือบ 2,000 ยูนิต ทำให้แต่ละโครงการต่างหาจุดขายเพื่อมาแข่งขันกันในตลาด และด้วยศักยภาพของจังหวัดอุดรธานีที่จะมีการพัฒนาในหลายด้าน ทางบริษัทจึงมีแผนที่จะพัฒนาโครงการใหม่ในอุดรธานีเพิ่มอีก 2-3 โครงการ ซึ่งอยู่ระหว่างการออกแบบโครงการ คาดว่าจะเปิดตัวได้ภายในปีนี้"นายณัฐวัชรกล่าว

          พิมานกรุ๊ปขอนแก่นบุกอุดรฯ

          สำหรับความเคลื่อนไหวของทุนต่างถิ่นนั้น ล่าสุดกลุ่มอีสานพิมานกรุ๊ป ดีเวลอปเปอร์รายใหญ่จากจังหวัดขอนแก่น ก็ได้เข้ามา ร่วมทุนกับกลุ่มธนาสิริ ภายใต้บริษัท พิมานสิริ จำกัด พัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวสิริวิลเลจ

          นายชาญณรงค์ บุริสตระกูล กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท อีสานพิมานกรุ๊ป จำกัด และในฐานะประธานชมรมผู้ค้าอสังหาริมทรัพย์ขอนแก่น เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ของขอนแก่นและอุดรธานีมีลักษณะคล้ายกัน มีโครงการใหญ่ ๆ เกิดขึ้นพร้อมกันหลายโครงการ โดยขอนแก่นได้กลุ่มลูกค้าส่วนราชการ โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย ส่วนอุดรธานีได้ฐานลูกค้ากลุ่มที่ทำการค้าขายและชาวต่างชาติ ซึ่งการเข้ามาลงทุนที่จังหวัดอุดรธานีนั้นได้เลือกทำเลติดถนนอุดรฯ-เลย ขาเข้าเมืองอุดรธานี ซึ่งอยู่ใกล้ สนามบิน ห้างสรรพสินค้า ตอนนี้ถือว่าการแข่งขันไม่มาก และมีโอกาสเจริญเติบโตมาก

          ด้านนายสุทธิรักษ์ เสถียรภาพอยุทธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทได้พัฒนาโครงการสิริวิลเลจ อุดรธานี- แอร์พอร์ต เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น จำนวน 179 ยูนิต บนเนื้อที่ 39 ไร่ ราคาขายเฉลี่ย 3.9 ล้านบาท มูลค่าโครงการประมาณ 706 ล้านบาท

          กนายสมประสงค์ ปัญจะลักษณ์ ลุ่มเจริญศรีชิมลางบ้านเดี่ยวหรู

          สำหรับทุนท้องถิ่นก็พยายามยึดพื้นที่การลงทุนไว้เช่นกัน นายธนพัต ทีฆธนานนท์ ทายาทรุ่นที่ 3 กลุ่มทุนเจริญศรี ซึ่งมีธุรกิจหลากหลายในภาคอีสาน เปิดเผยกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ครอบครัวมีบริษัทซื้อขายที่ดิน อยู่แล้ว และมีที่ดินอยู่ในโลเกชั่นดีใน เขตเทศบาลนครอุดรธานี ใกล้สาธารณูปโภค ตลาดสด โรงเรียน ศูนย์การค้า จึงได้ลงทุนโปรเจ็กต์แรกโครงการบ้าน 83 บนพื้นที่ 35 ไร่ จำนวน 11 ยูนิต พื้นที่ใช้สอยประมาณ 83-187 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นที่ 8 ล้านบาท รองรับผู้บริโภคตลาดกลางถึงบน กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ หรือคนที่เริ่มต้นมีครอบครัว อายุประมาณ 30 ปีขึ้นไป คาดว่าจะก่อสร้างเสร็จกลางปี 2561

          ไพรม์โรดฯรุกอาคารพาณิชย์

          กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพรม์ โรด พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจพลังงานทางเลือกโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ที่จังหวัดกำแพงเพชร และอีกหลายธุรกิจในเอเชียกล่าวว่า บริษัทได้แตกไลน์ทุ่มเงินลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาทพัฒนาโครงการไพรม์ สแควร์ อุดรธานี เป็นอาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่กว่า 160 ยูนิต บนเนื้อที่ 15 ไร่ บริเวณสถานีรถไฟอุดรธานีซึ่งเป็นทำเลที่อยู่ในไพรมแอเรีย และมีขนาดพื้นที่ใหญ่สุดที่จะพัฒนาเป็นศูนย์กลางพาณิชยกรรมแห่งใหม่ในจังหวัดอุดรธานี

          โครงการแบ่งเป็น 2 เฟส คือ เฟสแรก 80 ยูนิต เปิดจองและขาย แล้วเหลือเพียง 4 ยูนิต ส่วนเฟส 2 กำลังก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคม 2560 นี้ กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ นักธุรกิจในพื้นที่ ลูกค้าจาก ส่วนกลาง และกลุ่มทุนจากประเทศเพื่อนบ้านที่ใช้ จ.อุดรธานีเป็นฐานทำธุรกิจ ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนายแพทย์เกินกว่า 50%

          ทั้งนี้ จากการศึกษาตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจ มั่นใจว่าอีก 3-5 ปี ข้างหน้าอุดรธานีจะเป็นเขตเศรษฐกิจที่มีการจับจ่ายสะพัดไม่แพ้กรุงเทพฯ ซึ่งบริษัทยังมีพื้นที่ที่จะลงทุนพัฒนาในเฟสต่อ ๆ ไปอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

          ทั้งหมดเป็นความเคลื่อนไหวของกลุ่มทุนที่ยังคงเดินหน้าพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดอุดรธานี

ที่มา : หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ