ชลบุรี: นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัทอมตะคอปอร์เรชัน จำกัด(มหาชน)เปิดเผยว่า โครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) ขณะนี้ยอมรับว่ามีนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศตื่นตัวสอบถามความคืบหน้าของการให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ ในด้านการลงทุน เชื่อมั่นว่าเมื่อ พ.ร.บ. เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. ...ผ่านความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) จะส่งผลให้เกิดการขับเคลื่อนด้านการลงทุนของประเทศอีกครั้ง โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ถือเป็นการยกระดับการแข่งขันของประเทศไทยให้กลับมามีศักยภาพมากขึ้น และจะส่งผลให้เกิดการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมทางเศรษฐกิจในประเทศมากกว่าที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้อยู่ที่ 3.5-4%

"การพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษใน 3 จังหวัด ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยองเป็นพื้นที่ที่สามารถต่อยอดการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว โดยเฉพาะแผนการลงทุนของรัฐที่สามารถเข้าไปพัฒนาได้ทันที เพราะมีพื้นฐานด้านการลงทุนอยู่แล้วซึ่งจะเอื้ออำนวยต่อการลงทุนสำหรับนักลงทุนที่จะเข้ามา ด้วยความพร้อมในทุกด้านทั้งระบบสาธารณูปโภค และการลงทุนที่มีอยู่เดิม ถือเป็น สปริงบอร์ดชั้นดีของประเทศนับว่าเป็นแนวทางที่รัฐบาลมาถูกทางแล้ว"นายวิบูลย์ กล่าว และว่า

การเตรียมพร้อมของบริษัทในกลุ่มอมตะ เพื่อรองรับการลงทุนที่จะเกิดขึ้นบริษัทมีที่ดินรองรับไว้อยู่แล้วกว่า 10,000 ไร่ทั้งในส่วนของนิคมอุตสาหกรรมอมตะนครจ.ชลบุรี และนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตีจ.ระยอง โดยจะเป็นการทยอยพัฒนาแบ่งเป็นเฟส ภายใน 5 ปี เริ่มต้นจากปี 2560 โดยวางเป้าหมายการพัฒนาไว้ 1,000-2,000 ไร่ต่อปี ทั้งนี้ในส่วนของอุตสาหกรรมเป้าหมายที่รัฐบาลได้กำหนดไว้ 10 อุตสาหกรรมนักลงทุนเริ่มมีการติดต่อ และสนใจในข้อมูลของพื้นที่การลงทุน ซึ่งอมตะกรุ๊ปมีพื้นที่พร้อมรองรับทุกโซน ทั้งนี้นักลงทุนยังให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในกรอบของสิทธิประโยชน์พิเศษทางด้านภาษี ของ EEC ทั้งจากประเทศญี่ปุ่น จีน ยุโรป และในแถบเอเชีย

ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ