ชิงที่ดิน3จังหวัดอีอีซี ดันยอดขาย-ราคาพุ่งดันยอดขาย-ราคาพุ่ง
ชีวารัตน์ กิจนภาธนพงศ์
หลังจากที่รัฐบาลประกาศเดินหน้าแผนพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกอย่างเต็มกำลัง ส่งผลให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ใน 3 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา เริ่มมีความเคลื่อนไหวคึกคัก ไม่เพียงเฉพาะโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ที่หลายบริษัทมีแผนจะเปิดตัว การประมูลสินทรัพย์จากกรมบังคับคดีในพื้นที่ก็มีความคึกคักไม่แพ้กัน
รื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาผู้สนใจประมูลซื้อสินทรัพย์จากกรมบังคับคดีเพิ่มขึ้น ซึ่งสะท้อนว่านักลงทุนมีความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในพื้นที่โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) จ.ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และระยอง ในช่วงไตรมาส 2 ของปีงบประมาณ 2560 (ม.ค.-มี.ค.) ที่ผ่านมา มียอดผลักดันทรัพย์รวมจำนวน 1,750 ล้านบาท โดยเฉพาะ จ.ฉะเชิงเทรา มียอดผลักดันทรัพย์เพิ่ม 55.85% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2560
ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2558 มียอดขายสินทรัพย์ในพื้นที่อีอีซี (จ.ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และระยอง) จำนวน 997.17 ล้านบาท และในปีงบประมาณ 2559 มียอดขายสินทรัพย์ 866.54 ล้านบาท และเพียง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 สามารถขายสินทรัพย์ประมาณ 1,750 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1 เท่าตัว
ในขณะเดียวกันการผลักดันทรัพย์ในพื้นที่จังหวัดเขตเศรษฐกิจพิเศษ (จ.สระแก้ว สงขลา ตราด หนองคาย มุกดาหาร ตาก) มียอดผลักดันสินทรัพย์รวมจำนวน 879 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรก 32.30% โดยเฉพาะ จ.สงขลา มียอดการซื้อสินทรัพย์กว่า 660 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 79% ในขณะเดียวกันราคาการประมูลซื้อทรัพย์ก็มีการแข่งขันกันมากขึ้น เพราะมีผู้สนใจลงทุนหน้าใหม่เข้ามาลงทุนทำให้ราคาประมูลสูงกว่าประเมิน อย่างไรก็ตามกรมบังคับคดียังมีสินทรัพย์รอการขายที่น่าสนใจอีกมาก เพื่อเป็นทางเลือกของนักลงทุนหรือผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัย
อธิบดีกรมบังคับคดี กล่าวอีกว่า กรมจะนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ โดยเปิดให้มีการประมูลซื้อสินทรัพย์ผ่านระบบออนไลน์ เพื่อให้ผู้สนใจไม่ต้องเดินทางหรือเสียเวลาไปประมูลที่สำนักงานบังคับคดีที่จังหวัดนั้นๆ และผู้สนใจประมูลสามารถที่จะวางเงินประกันด้วยบัตรเครดิตและบัตรเดบิต โดยกรมบังคับคดีได้มีการติดตั้งเครื่องรูดบัตรเครดิต (อีดีซี) ไว้ทุกสำนักงานบังคับคดีทั่วประเทศแล้ว นอกจากนี้จะมีการเปิดประมูลวันเสาร์ด้วย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้สนใจทั่วไป และอยู่ในระหว่างการออกกฎหมาย เพื่อให้เอกชนมาทำหน้าที่การประมูลขายสินทรัพย์ทอดตลาดแทนกรมบังคับคดีด้วย
สำหรับภาพรวมการผลักดันสินทรัพย์ของกรมบังคับคดีในไตรมาส 2 ของปีงบประมาณ 2560 (ม.ค.-มี.ค. 2560) สามารถผลักดันทรัพย์ออกจากระบบกว่า 3.2 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ขายทรัพย์ได้ 1.2 หมื่นล้านบาท สูงสุดในรอบ 16 เดือนที่ผ่านมา และหากรวมยอดขายทอดตลาด 2 ไตรมาส (ต.ค. 2559-มี.ค. 2560) เป็นเงินกว่า 6.2 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 60% จากเป้าหมายขายทอดตลาดทั้งปีงบประมาณไว้ 1 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ ปัจจุบันกรมบังคับคดีมีสินทรัพย์รอการขายทอดตลาด 2.15 แสนล้านบาท แบ่งเป็นที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง 8.16 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 37.82% ห้องชุด 5.21 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 25.98%
ด้าน นิยต มาศะวิสุทธิ์ รักษาการกรรมการ ผู้จัดการ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท (บสส.) กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจการขายสินทรัพย์รอการขาย (เอ็นพีเอ) แข่งขันมากขึ้น เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายปรับภาษีที่ดินใหม่ ทำให้ผู้ถือครองที่ดินเร่งระบายขายสินทรัพย์ออกมาเพื่อลดภาระการจ่ายภาษี ดังนั้นเมื่อมีปริมาณการขายสินทรัพย์มากขึ้น ทำให้ราคาของสินทรัพย์แทบจะไม่มีการขยับ
อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีกลุ่มนักลงทุนที่เห็นโอกาสที่จะลงทุนซื้อสินทรัพย์เพื่อลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการอีอีซี และเขตเศรษฐกิจพิเศษ
ทั้งนี้ บสส.เป็นแหล่งรวมอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ของประเทศที่สามารถสร้างโอกาสหรือตอบสนองความต้องการของลูกค้ารายย่อย รายใหญ่ ผู้ประกอบการ นักลงทุนได้ครบถ้วนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะทรัพย์สินในทำเลทองที่สอดคล้องและสนองตอบต่อแผนยุทธศาสตร์การค้า (Trade Strategic Position) 18 กลุ่มจังหวัด
นอกจากนี้ บสส.ยังมีทรัพย์น่าสนใจในพื้นที่ 3 เขตจังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ที่ตอบสนองนโยบายพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกอีกด้วย โดยช่วงระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา มีกระแสและความเคลื่อนไหวของ นักลงทุนที่ติดต่อเข้ามาซื้อทรัพย์ บสส.ในทำเลเหล่านี้ไปแล้วหลายรายการ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท
สำหรับสินทรัพย์เด่นในทำเลอีอีซี อาทิ ที่ดินริมทะเลเนื้อที่ 109 ไร่ อ.มาบตาพุด จ.ระยอง ที่ดินเปล่าเนื้อที่ 6 ไร่ ริมถนนสุขุมวิท กลางเมืองระยอง ใกล้โรงแรมฮอลิเดย์อินน์ทำเลโรงแรมและคอนโดมิเนียม ที่ดินเปล่าเนื้อที่ 55 ไร่ สำหรับโครงการพักอาศัยใกล้ทะเล กลางเมืองบ้านฉาง ที่ดินเปล่าเนื้อที่ 11 ไร่ ใกล้หาดแม่รำพึง จ.ระยอง เป็นต้น
นิยต กล่าวว่า กลยุทธ์การขายและกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการจำหน่ายทรัพย์สินเอ็นพีเอของ บสส. จะเน้นการเจาะเข้าถึงลูกค้าในทุกลุ่ม โดยเฉพาะลูกค้ารายย่อย ทั้งการจัดประมูลอย่างต่อเนื่องทุกเดือนตลอดปี การเดินสายเปิดบูธจำหน่ายทรัพย์เอ็นพีเอที่ศูนย์การค้าและซูเปอร์สโตร์ทุกภูมิภาค
รวมทั้งการร่วมงานมหกรรมบ้านมือสองทั้ง ในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง ส่วนโปรโมชั่นที่น่าสนใจในปี 2560 มีทั้งสิ้น 4 รายการ ได้แก่ SAM 17 ปี ฟรีค่าโอนสูงสุด 17 ล้านบาท สำหรับทรัพย์เพื่อการลงทุน มูลค่าสูงกว่า 20 ล้านบาท ประมาณ 60 รายการ มูลค่ารวมเกือบ 5,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่น SAM ออกให้ฟรีค่าภาษีการโอน สำหรับทรัพย์ที่มีมูลค่าไม่เกิน 20 ล้านบาท รวมทั้ง SAM Light ผ่อนสบายยาว 2 ปีไม่มีดอกเบี้ย และโปรโมชั่น SAM Family Plus
ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์