BEMฟันกำไรพุ่ง800ล้านบุ๊คทางด่วนศรีรัช-สีม่วง
“BEM” มีลุ้นกำไรสุทธิไตรมาสแรกทะลุ 800 ล้านบาท โต 14% รับผลบวกบุ๊ครายได้ทางด่วนศรีรัช-บริหารรถไฟฟ้าสายสีม่วง ไร้ดอกเบี้ยจ่ายหุ้นกู้ โบรกฯ การันตีงบปี 60 รายได้พุ่ง 21% รอปัจจัยหนุนจากรอยต่อช่วงสถานีเตาปูน-บางซื่อ ดันปริมาณคนใช้บริการเพิ่ม
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ทรีนีตี้ จำกัด ประเมินว่า บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM จะมีกำไรสุทธิงวดไตรมาส 1/60 จำนวน 803 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้จำนวน 3,888 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีการรับรู้รายได้ทางด่วนศรีรัช และรถไฟฟ้าสายสีม่วง รวมถึงไม่มีดอกเบี้ยจ่ายจากการออกหุ้นกู้
โดยกำไรสุทธิและรายได้ที่เพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากการรับรู้รายได้ ทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครเต็มไตรมาส ซึ่งโดยปริมาณรถในเส้นทางด่วนศรีรัชคิดเป็น 4% ของปริมาณรถโดยรวม และช่วยสร้างรายได้ประมาณ 9.1% ของรายได้จากทางด่วนทั้งหมด ขณะที่ภาพรวมของธุรกิจทางด่วนมีปริมาณรถเฉลี่ยต่อวันในช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค. อยู่ที่ 1,222 เที่ยวต่อวัน เพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ธุรกิจรถไฟฟ้าในช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค. มีปริมาณผู้โดยสารเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 293,762 เที่ยวต่อวัน เพิ่มขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีค่าโดยสารเฉลี่ยอยู่ที่ 24.71 บาทต่อเที่ยว อีกทั้งยังมีรายได้จากการบริหารการเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วงเข้ามาเต็มไตรมาส ส่วนธุรกิจเชิงพาณิชย์คาดว่าจะเติบโตได้เล็กน้อย แต่ไม่มีดอกเบี้ยจ่ายจากการออกหุ้นกู้เหมือนไตรมาสก่อน
นักวิเคราะห์ กล่าวอีกว่า รายได้ในปี 2560 จะเติบโต 21% จากปี 2559 ที่มีรายได้จำนวน 13,580 ล้านบาท เป็นผลมาจากสามารถรับรู้รายได้จากเส้นทางศรีรัช และการบริหารการเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วงได้เต็มปี ขณะเดียวกันฝ่ายวิเคราะห์ได้ปรับประมาณการรายได้ในปี 2560 ลง 4% เพราะปริมาณการเติบโตของผู้โดยสารสายสีน้ำเงินในช่วงที่ผ่านมา ถือว่ายังไม่โดดเด่นนัก เนื่องจากช่วงรอยต่อเส้นทางเดินรถช่วงสถานีเตาปูน-บางซื่อยังไม่เสร็จสมบูรณ์
อย่างไรก็ตาม หากรอยต่อช่วงสถานีเตาปูน-บางซื่อสามารถเปิดให้บริการได้ในเดือน ส.ค. 60 จะเริ่มเห็นการเติบโตของจำนวนผู้โดยสารซึ่งเดินทางจากรถไฟฟ้าสายสีม่วงเข้าสู่สายสีน้ำเงินมากขึ้นและหนุนการเติบโตของปริมาณผู้โดยสารรวม โดยในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมาปริมาณผู้โดยสายสายสีน้ำเงินเส้นทางปัจจุบันเกิน 3 แสนเที่ยวต่อวันได้เป็นครั้งแรก ซึ่งถือเป็นสัญญาณแนวโน้มการเติบโตที่ดี
ขณะที่ผลตอบแทนที่ BEM จะได้รับจากการบริหารการเดินรถภายใต้สัญญาสัปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินยังมีปัจจัยที่ต้องติดตามอย่าง คือ เรื่องอัตราหนี้สินต่อทุน D/E ratio และประโยชน์ที่จะได้รับจากการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) อย่างไรก็ตามแม้ธุรกิจรถไฟฟ้าจะมีโอกาสเติบโตจากการเปิดเดินรถไฟฟ้าในโครงการใหม่ ซึ่งจะส่งผลต่อการประเมินราคาเป้าหมาย จึงกำหนดคำแนะนำ “ถือ” ที่ราคาเป้าหมาย 7.55 บาท
ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น