อสังหาฯครึ่งปีหลังคึก

ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ชี้ 5 เดือนธุรกิจยังสภาพคล่องปกติ แม้ไตรมาสแรกติดลบ คาดครึ่งปีหลังคึก ดันทั้งปีเปิดขายใหม่กว่า 1 แสนหน่วย

นายวิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการ ผู้อำนวยการ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดเผยว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีหลัง 2560 ยังอยู่ในภาวะปกติ จากสถานการณ์ตลาดในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ผู้ประกอบการยังมีสภาพคล่อง อัตราการจ้างงานของคนยังอยู่ในภาวะปกติและสถาบันการเงินยังปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยแม้จะเข้มงวดขึ้นก็ตาม

สำหรับการเปิดตัวโครงการใหม่ของผู้ประกอบการในช่วงไตรมาสแรกปี 2560 ที่ผ่านมา ไม่ค่อยหวือหวาเท่าที่ควร โดยมีโครงการเปิดใหม่กว่า 24,103 หน่วย ลดลง 3% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปี 2559 ที่มียอดโครงการเปิดขายใหม่ 24,899 หน่วย เนื่องจากเชื่อว่าผู้ประกอบการต้องการรอให้ตลาดดูดซัพพลายที่ยังคงค้างออกไปก่อนจึงจะเติมสินค้าใหม่เข้ามา แต่มองว่าภาพรวมของความต้องการที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มที่ดีและมองว่าในครึ่งปีหลังผู้ประกอบการจะมีการจัดแคมเปญที่จูงใจมากขึ้นเพื่อสร้างยอดขายให้ได้มากขึ้น

ทั้งนี้ ศูนย์ข้อมูลประเมินได้จัดทำประมาณการตัวเลขข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ออกเป็น 3 กรณีคือ กรณีสถานการณ์ตลาดชะลอตัว ตลาดปกติ และตลาดเติบโตดี เพื่อให้ผู้ใช้ข้อมูลได้พิจารณาตามสถานการณ์ตลาดที่เกิดขึ้นจริง โดยในปี 2560 คาดว่าจะมีโครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ในกรณีที่เศรษฐกิจไม่ดีจำนวน 97,200 หน่วย หรือโต 0.7% หากในกรณีที่ตลาดปกติคาดว่าจะมีโครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ 1.03 แสนหน่วย โต 6.7% และกรณีที่ตลาดเติบโตดี คาดว่าจะมีโครงการเปิดขายใหม่ 1.13 แสนหน่วย หรือโต 17.1%

ด้านที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนใหม่ในปี 2560 คาดว่าจะอยู่ที่ 1.11-1.28 แสนหน่วย โดยกรณีภาวะตลาดไม่ดีจะอยู่ที่ประมาณ 1.11 แสนหน่วย ลดลง 10.9% เมื่อเทียบกับปี 2559 ที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนใหม่กว่า 1.24 แสนหน่วย ส่วนในภาวะตลาดปกติคาดว่าจะมีจำนวน 1.16 แสนหน่วย ลดลง 6.9% และตลาดเติบโตดีจะอยู่ที่ 1.28 แสนหน่วย โต 2.7%

ขณะที่ยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยไตรมาสแรกปี 2560 มียอดโอนกรรมสิทธิ์ 28,910 หน่วย ลดลง 39.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปี 2559 ที่มียอดโอนกรรมสิทธิ์ 48,073 หน่วย เนื่องจากมีมาตรการด้านภาษีจากภาครัฐเข้ามาช่วยกระตุ้น

อย่างไรก็ตาม ศูนย์ข้อมูลคาดว่า ยอดโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2560 ในกรณีภาวะตลาดดีจะอยู่ที่ประมาณ 1.58 แสนหน่วย หรือลดลง 9.9% กรณีภาวะตลาดปกติจะอยู่ที่ประมาณ 1.7 แสนหน่วย ลดลง 3% และในกรณีที่ตลาดเติบโตดีคาดว่ายอดโอนกรรมสิทธิ์จะอยู่ที่ 1.87 แสนหน่วย โต 6.7%

ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์