รถไฟฟ้าปั้นทำเลใหม่ รถไฟฟ้า5สายใหม่หนุนอสังหาฯผุดโครงการแนะศึกษาลดเสี่ยง
รถไฟฟ้าปั้นทำเลใหม่
อสังหาฯ ได้แรงหนุนจากรถไฟฟ้า จับตาทำเลที่อยู่อาศัยใหม่ ขณะที่ผู้ประกอบการต้องปรับตัวรับพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน
รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ เปิดเผยว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปัจจุบันมีความเข้มแข็ง อีกทั้งราคาขายไม่โอเวอร์ ผู้ประกอบการมีการปรับตัวแม้กลุ่มตลาดล่างยังมีกำลังซื้อก็ตามไม่เห็นถึงสัญญาณการเกิด ฟองสบู่เหมือนในปี 2540 ที่ผู้ประกอบการมีหนี้สินเยอะ ราคาขายเกินจริง เมื่อเกิดการลดค่าเงินบาทจึงทำให้เกิดวิกฤต
สำหรับการพัฒนาที่อยู่อาศัยเรื่องของโลเกชั่นเป็นหัวใจสำคัญ ปัจจุบันมีการพัฒนาโครงการตามแนวรถไฟฟ้า 5 สาย 79 สถานี และจะต่อขยายเพิ่มขึ้นเป็น 280 สถานี ผู้ประกอบการควรศึกษาดีมานด์และซัพพลายแต่ละทำเลก่อนตัดสินใจลงทุน ซึ่งในพื้นที่ส่วนต่อขยายมีนักพัฒนาหลายรายเข้าไปพัฒนาและเป็นโครงการขนาดใหญ่เนื่องจากราคาที่ดินยังไม่แพงมาก เมื่อสินค้าในทำเลมีมากก็จะส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อ
ทั้งนี้ ให้จับตาดูในช่วงปี 2563-2570 จะมีรถไฟฟ้าเพิ่มอีก 5 สาย ซึ่งจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอสังหาฯ เช่น สายสีส้มทั้งช่วงตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม ซึ่งเป็นการเพิ่มศักยภาพย่านฝั่งธนบุรีและช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี สามารถเชื่อมต่อโครงการไปยังพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) เป็นต้น หากจะลงทุนต้องเลือกมีความเหมาะสมเพื่อป้องกันความเสี่ยง
ด้านราคาที่ดินช่วง 8 ปีที่ผ่านมา มีการปรับขึ้นกว่า 80% ขณะที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน ดังนั้นทาวน์เฮาส์จะมีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้นทดแทนคอนโด โดยระดับราคา 2-10 ล้านบาท เป็นกลุ่มที่มีการตอบรับจากผู้บริโภค
ด้าน นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวว่า อนาคตธุรกิจอสังหาฯ จะมีลักษณะแชริ่งอีโคโนมี คือการ แบ่งปันทั้งการเช่าแทนการถือครองสินทรัพย์ เหมือนกับอูเบอร์ ในอนาคตจะมี "แท็กซี่ โดรน" มาให้บริการ ซึ่งจะทำให้คนไม่จำเป็นต้องมีที่อยู่อาศัยใกล้กับรถไฟฟ้า โดยจะมีใช้ที่ดูไบเป็นที่แรกในปี 2561
นอกจากนี้ ยังคาดว่าอีก 20 ปีข้างหน้า อสังหาฯ จะเป็น "เรียลเอสเตท คราวด์ฟันดิ้ง" ซึ่งเป็นการลงทุนจากสาธารณชนเพื่อมาพัฒนาโครงการ และเชื่อว่าในอนาคตหุ่นยนต์จะเข้ามาแทนที่แรงงาน ซึ่งในปี 2588 โลกจะมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและรุนแรงถ้าไม่มีการปรับตัวก็จะไม่รอด
ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์