ลุยไฮสปีดเทรนกทม.-ระยอง ดึงเอกชนร่วมลงทุน3.02 แสนล้านเปิดบริการปี66
Loading

ลุยไฮสปีดเทรนกทม.-ระยอง ดึงเอกชนร่วมลงทุน3.02 แสนล้านเปิดบริการปี66

วันที่ : 31 สิงหาคม 2560
ลุยไฮสปีดเทรนกทม.-ระยอง ดึงเอกชนร่วมลงทุน3.02 แสนล้านเปิดบริการปี66

เปิดผลการศึกษาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน มูลค่าลงทุน 3.02 แสนล้านบาท ให้เอกชนร่วมลงทุนรัฐอุดหนุนเงินระยะยาวผุด10สถานีรองรับ พร้อมศูนย์ซ่อมบำรุง 2 แห่ง ออกแบบให้รองรับระบบตั๋วร่วม คาดเปิดดำเนินการปี 2566 รับผู้โดยสาร 1.69 แสนคนต่อวัน

จากมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2560 มอบให้กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) เป็นหน่วยงานหลัก เร่งศึกษาระบบรางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมโยง 3 สนามบิน ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมืองและอู่ตะเภาให้แล้วเสร็จ

โดยร.ฟ.ท.ได้รายงานผลการศึกษาให้คณะกรรมการบริหารการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ที่มีนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธาน รับทราบแล้ว เพื่อนำเสนอให้คณะกรรมการนโยบายฯพิจารณารับทราบต่อไป

แหล่งข่าวจากคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า สำหรับผลการศึกษาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3สนามบินแบบไร้รอยต่อสรุปได้ว่า จะก่อสร้างทางรถไฟขนาด 1.435 เมตร เพิ่มเติม2ช่วงคือช่วงพญาไท-ดอนเมืองและช่วงลาดกระบัง-ระยองพร้อมทางรถไฟเชื่อมเข้าออกสนามบินสุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา รวมเป็น ระยะทางทั้งสิ้นประมาณ 260 กิโลเมตร

โดยจะมีสถานีรถไฟความเร็วสูงจำนวน 10 สถานี ได้แก่ ดอนเมือง บางซื่อ มักกะสัน สุวรรณภูมิ ฉะเชิงเทราชลบุรี ศรีราชา พัทยา อู่ตะเภาและระยอง ซึ่งการเดินรถในพื้นที่เขตเมือง ช่วง ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ ด้วยความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเดินรถระหว่างเมืองช่วงสุวรรณภูมิ-ระยอง ด้วยความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนใหญ่ก่อสร้างเป็นทางรถไฟยกระดับ 2 ทางวิ่ง

ขณะที่ทางรถไฟออกแบบให้รองรับน้ำหนักกดเพลาได้ 16 ตัน ทางรถไฟหลักจะใช้ทางรถไฟแบบพื้นคอนกรีต  โดยจะมีศูนย์ซ่อมบำรุง 2แห่ง ที่คลองตัน รองรับรถไฟ City Line และศูนย์ซ่อมบำรุงใหม่ที่ฉะเชิงเทรา พื้นที่ประมาณ 400ไร่รองรับรถไฟความเร็วสูง

ส่วนระบบจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติ ออกแบบให้รองรับระบบตั๋วร่วม (บัตรแมงมุม) ซึ่งตู้รถไฟความเร็วสูง เปิดให้ผู้ลงทุนเลือกระหว่างรถไฟลำตัวแคบและรถไฟลำตัวกว้าง แต่ต้องรองรับความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จัดรูปขบวนได้แบบ 8 คันต่อขบวน มีอายุการใช้งานไม่น้อยกว่า 30 ปี

ทั้งนี้ ระยะเวลาการเดินทางจากดอนเมืองถึงระยอง กรณีหยุดทุกสถานี ประมาณ 2 ชั่วโมง และกรณีด่วนพิเศษ ไม่จอดระหว่างทาง ประมาณ 1 ชั่วโมง มีอัตราค่าโดยสาร City Line 13 บาท (แรกเข้า)+2.0 บาทต่อกิโลเมตร และค่าโดยสาร HSR 20 บาท (แรก เข้า) + 1.8 บาทต่อกิโลเมตร

นอกจากนี้ในผลการศึกษายังระบุว่า ประมาณการผู้โดยสาร คาดการณ์จำนวนผู้โดยสารเปิดให้บริการปี 2566 ที่จะเดินทางภายในกรุงเทพฯ ช่วงดอนเมืองสุวรรณภูมิ ประมาณ 103,920 คน-เที่ยวต่อวัน และที่เดินทางระหว่างจังหวัด ช่วงสุวรรณภูมิระยอง ประมาณ 65,630 คน-เที่ยวต่อวัน รวมทั้งสิ้น 169,550 คนเที่ยวต่อวันและจะเพิ่มขึ้นเป็น 362,410 คน-เที่ยวต่อวันในอนาคต

สำหรับเงินลงทุนโครงการ จะแบ่งเป็นส่วนรถไฟความเร็วสูง 220,608 ล้านบาท และส่วนการพัฒนาพื้นที่ มักกะสันและการพัฒนาที่ดินรอบสถานี (TOD) 82,113 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นประมาณ 302,721 ล้านบาท การลงทุนจะเป็นรูปแบบ PPP1 Net Cost โดยเอกชนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ระบบรถไฟฟ้า ขบวนรถ ค่าจ้างที่ปรึกษา และการดำเนินงานและซ่อมบำรุง รัฐบาลเป็นผู้ลงทุนค่าจัดกรรมสิทธิ์ โดยรัฐจะทยอยให้การอุดหนุนเงินดำเนินงานโครงการเป็นรายปีในระยะยาว ในอัตราที่สอดคล้องกับกำลังงบประมาณของรัฐ

 
ที่มา: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
ข่าวพัฒนาสาธารณูปโภค อื่นๆ