เจ้าสัว "เจริญ" เดินหน้าแตกแบรนด์ค้าปลีกไม่หยุด ดีเดย์อวดโฉม "ลาซาล อเวนิว" ศูนย์การค้าแนวราบพื้นที่ 20 ไร่ ชูจุดขายปอดแห่งใหม่ด้วยพื้นที่สีเขียว Green Space กว่า 3,000 ตารางเมตร พร้อมขนแบรนด์แม่เหล็กร่วมทัพ

ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานว่า กลุ่มทุนค้าปลีก "แอสเสท เวิรด์ รีเทล" บริษัทพัฒนาพื้นที่ค้าปลีกและศูนย์การค้าในเครือกลุ่มธุรกิจของ เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี เตรียมแตกแบรนด์ค้าปลีก "ลาซาล อะเวนิว" ซึ่งเป็นศูนย์การค้าแนวราบบนพื้นที่ 20 ไร่ ย่านถนนลาซาล-แบริ่ง เตรียมที่จะเปิดให้บริการในวันที่ 24 กรกฎาคมนี้ ด้วยพื้นที่รีเทล 6,000 ตารางเมตร

นายมานพ คำสว่าง ผู้จัดการบริหารทรัพย์สิน บริษัท แอสเสท เวิรด์ รีเทล จำกัด ภายใต้การบริหารงานของบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (TCC GROUP) กล่าวก่อนหน้านี้ว่า ทำเลย่านบางนาถือเป็นทำเลยุทธศาสตร์ ศูนย์กลางแหล่งอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจ และเต็มไปด้วยอาคารสำนักงาน ศูนย์นิทรรศการ โครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จำนวนมาก รวมถึงแหล่งอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อาทิ นิคมอุตสาหกรรมบางปู, ปู่เจ้า, บางพลี, บางปะกง ที่สำคัญ ยังเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าถึง 3 เส้นทาง ประกอบด้วย รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว เส้นทางแบริ่ง- สำโรง, รถไฟฟ้าสายสีเหลือง เส้นทางลาดพร้าว-สำโรง และรถไฟฟ้ารางเบา เส้นทางบางนา-สุวรรณภูมิ

ซึ่งหากเปิดการเดินรถครบทุก เส้นทางแล้ว คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัว นอกจากนี้ ในพื้นที่รอบ ๆ และใกล้เคียงศูนย์การค้าลาซาล อเวนิว มีประชากรอยู่อาศัยกว่า 230,361 คน โดยมีแนวโน้มอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี รวมถึงจากการสำรวจพบว่า ประชากรย่านนี้มีรายได้ต่อครัวเรือนสูงติดอันดับ 1 ใน 10 ของกรุงเทพฯ

"ทำเลย่านลาซาล-แบริ่งถือเป็นทำเลศักยภาพ มีผู้อยู่อาศัยที่มีกำลังซื้อสูง และมีการขยายตัวของโครงการที่อยู่อาศัยทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียมอย่างรวดเร็ว และสามารถเดินทางเข้าสู่ย่านใจกลางธุรกิจได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ทั้งรถยนต์ รถไฟฟ้าบีทีเอส และทางด่วนพิเศษ"

โดยร้านค้าที่จะเข้ามาร่วมเปิด อาทิ VILLA MARKET KFC, B-Quik, Cafe Amazon, TSURUHA, CG FITNESS, Orca Baker & Butcher, JiM's Burger, ข้าน้อยขอชาบู, SUKIYA, glo ONE STOP BEAUTY LOUNGE, CHA SPA, The nail cafe และ WASH ME คาดการณ์ว่าจะมีผู้เข้าใช้บริการเฉลี่ย 8,000-10,000 คนต่อวัน

ปัจจุบันภาพรวมการแข่งขันในกลุ่มตลาดธุรกิจรีเทลพื้นที่กรุงเทพฯ และกลุ่มเมืองเศรษฐกิจ มีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มจะขยายตัวต่อไปอีก 1-2 ปีข้างหน้าอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม แม้การแข่งขันจะสูงขึ้น แต่ยังมีโอกาสหรือปัจจัยที่เอื้อต่อการลงทุน อาทิ การขยายตัวของเมือง รวมถึง การขยายตัวของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการดึงดูด นักลงทุน ทั้งนี้ การพัฒนาโครงการใหม่ ผู้ประกอบการต้องวางกลยุทธ์ให้เกิดความแตกต่างและมีศักยภาพที่ ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า