เศรษฐกิจแบบไหน ควรชะลอการลงทุนอสังหาฯ ไว้ก่อน
ในการลงทุนอสังหาฯ ให้ประสบความสำเร็จนั้น การติดตามสถานการณ์สภาพเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองทั้งภายในและภายนอกประเทศ ถือว่ามีส่วนสำคัญ เพราะเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับสังคม การเมือง เศรษฐกิจ ย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อทิศทางการเติบโตของอสังหาฯ โดยอาจทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มคึกคักขึ้นก็ได้ หรืออาจจะทำให้ซบเซาชะลอตัวก็ได้เช่นกัน โดยสถานการณ์เศรษฐกิจ สังคม การเมือง ดังต่อไปนี้ คือสภาวะที่นักลงทุนไม่ควรผลีผลามด่วนตัดสินใจลงทุนอสังหาฯ เพราะมีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้ล้มเหลวไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ต้องการได้
- อยู่ในสภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น
อัตราดอกเบี้ยถือเป็นปัจจัยสำคัญอย่างมากต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของผู้คน เพราะเกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ของคนที่ซื้อบ้านซื้อคอนโดนั้นไม่ได้ซื้อด้วยเงินสด แต่เลือกขอสินเชื่อจากธนาคาร ซึ่งแน่นอนว่าเวลาที่จะเลือกธนาคารที่จะขอกู้ก็จะต้องดูที่อัตราดอกเบี้ย โดยธนาคารไหนให้ดอกเบี้ยต่ำสุดก็จะได้รับการพิจารณาเลือก เพราะจะช่วยแบ่งเบาภาระค่างวดได้มาก ดังนั้น หากสถานการณ์เศรษฐกิจอยู่ในภาวะที่รัฐบาลปรับดอกเบี้ยนโยบายเป็นขาขึ้น หมายความว่าดอกเบี้ยเงินกู้สินเชื่อต่าง ๆ ของทุกธนาคารก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย ทำให้ผู้คนไม่อยากที่จะซื้อบ้าน เพราะต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายสูงเกินไป การลงทุนซื้ออสังหาฯ เพื่อขายต่อในช่วงสถานการณ์ดอกเบี้ยขาขึ้น จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะล้มเหลวขายออกไม่ได้ง่าย ๆ ตามเป้าหมายที่หวังไว้
- เศรษฐกิจย่ำแย่กำลังซื้อหดหาย
ตลาดการลงทุนอสังหาฯ จะคึกคักได้ก็ต่อเมื่อผู้คนมีกำลังซื้อ สามารถเลือกซื้อบ้านหรือคอนโดเพื่อเติมเต็มความฝันของตัวเองได้อย่างอิสระตามต้องการโดยไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องเงิน ดังนั้น ในช่วงใดก็ตามที่สภาพเศรษฐกิจตกต่ำ ตลาดอสังหาฯ จึงซบเซาตามไปด้วย เพราะกำลังซื้อของผู้คนจะหายไป เศรษฐกิจไม่ดี บริษัทเลิกจ้างงานเยอะ คนตกงานมาก ธุรกิจทำกำไรไม่ได้ โบนัส เงินเดือน ก็จะได้รับผลกระทบตามไปด้วย ซึ่งพอผู้คนไม่มีกำลังซื้อ การจะปล่อยเช่าคอนโด ขายบ้านมือหนึ่ง มือสอง ก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จได้ยากมาก ๆ ยกตัวอย่างเช่นในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด -19 ที่ผ่านมาก ตลาดอสังหาฯ ก็ซบเซาชะลอตัวลง เพราะธุรกิจได้รับผลกระทบจากการล็อคดาวน์ การปิดประเทศ รายได้ไม่เข้าประเทศผู้คนก็ไม่มีกำลังซื้อนั่นเอง
- ภาวะเงินเฟ้อสูง
ภาวะเงินเฟ้อสูง คือภาวะที่เงินด้อยมูลค่าลง หรืออีกนัยหนึ่งคือข้าวของจะแพงขึ้น ต้องใช้เงินมากขึ้นในการซื้อของกินของใช้ ตลอดจนสินค้าทุกอย่างก็จะได้รับผลกระทบทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้นทั้งหมด ซึ่งเมื่อของแพงขึ้น ผู้คนก็จะมีกำลังซื้อลดลงเพราะเพียงแค่ค่ากินใช้ในแต่ละวันก็ตึงมือแล้ว จึงไม่สามารถคิดฝันที่อยากจะซื้อบ้านซื้อคอนโดได้เลย นอกจากนั้น ภาวะเงินเฟ้อยังส่งผลกระทบต่อราคาวัสดุก่อสร้างให้แพงขึ้นอีกด้วย ซึ่งเมื่อวัสดุก่อสร้างราคาแพง ราคาคอนโด ราคาบ้านโครงการใหม่ ๆ ก็จะขยับสูงตามไปอีก จึงยิ่งลดโอกาสในการจะมีคนเข้ามาซื้อได้น้อยลง ด้วยเหตุนี้เองในสภาวะเศรษฐกิจที่เงินเฟ้อพุ่งสูงนั้น จึงค่อนข้างมีความเสี่ยงต่อการลงทุนอสังหาฯ อย่างมาก
ความสำเร็จของการลงทุนอสังหาฯ คือต้องซื้อมาในราคาถูกและขายต่อได้ในราคาที่มีกำไร สามารถปล่อยเช่าได้มากกว่าค่างวดผ่อน สามารถขายต่อ ปล่อยเช่าต่อง่าย โดยเงินลงทุนไม่จมหายจนทำให้เสียโอกาสในการลงทุนอื่น ๆ ซึ่งแนวโน้มความสำเร็จเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยในช่วงที่เศรษฐกิจผันผวน สถานการณ์สังคมการเมืองไม่สงบ มีโรคระบาด ข้าวของแพง เงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยสูง ดังนั้น หากสำรวจสถานการณ์ตลาดแล้วพบว่าสภาพเศรษฐกิจไม่ได้อยู่ในทิศทางที่จะช่วยกระตุ้นความต้องการซื้ออสังหาฯ ของผู้คนได้ ไม่ได้ช่วยให้ผู้คนซื้ออสังหาฯ ได้ง่ายขึ้นแล้วล่ะก็ การเฝ้าติดตามรอจังหวะ และวางแผนอย่างรัดกุม คือวิถีที่จะช่วยลดความเสี่ยงให้กับการลงทุนอสังหาฯ ของเราได้มากที่สุด
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
