สงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลต่ออสังหาฯ อย่างไร
ณ เวลานี้นอกจากสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 แล้ว สิ่งที่ทำให้โลกทั้งใบตกอยู่ในสภาวะ “ไปต่อไม่ได้” อย่างที่ควรจะเป็นก็คือสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่ก็ไม่มีใครรู้ว่าจะจบลงเมื่อไร แต่ทุกคนต่างก็รู้ดีว่ายิ่งยืดเยื้อต่อไปก็มีแต่จะยิ่งส่งผลเสียต่อภาคเศรษฐกิจในทุกย่อมหญ้า ซึ่งแน่นอนว่าภาคธุรกิจอสังหาฯ นั้นได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างมาก โดยผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่มีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้น มีดังต่อไปนี้
-
วัสดุก่อสร้างราคาแพงขึ้น
เนื่องจากรัสเซียเป็นประเทศที่ส่งออกสินค้าเหล็กมากเป็นอันดับ 3 ของโลก ในขณะที่ยูเครนส่งออกเหล็กเป็นอันดับ 8 ของโลก สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนทำให้เกิดการขาดแคลนเหล็ก รวมถึงวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ ราคาเหล็กและวัสดุก่อสร้างจึงเพิ่มสูงขึ้น โดยดัชนีราคาค่าก่อสร้างบ้านมาตรฐาน Q1 ปี 65 นั้น มีค่าเท่ากับ 129.8 เพิ่มสูงขึ้น 5.3% ในขณะที่ราคาเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กนั้นเพิ่มขึ้นมากถึง 35% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งด้วยเพราะค่าวัสดุก่อสร้างที่แพงขึ้นจากภาวะสงครามนี้เอง ต้นทุนในการสร้างบ้าน สร้างคอนโดจึงสูงขึ้น ราคาอสังหาฯ จึงปรับตัวเพิ่มขึ้น จนทำให้ยากต่อการตัดสินใจซื้อและเข้าลงทุนตามไปด้วย
-
น้ำมันแพงขึ้น
เราได้ยินกันมาตลอดว่าสงครามรัสเซีย-ยูเครนทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น แต่หลายคนก็อาจจะสงสัยว่าน้ำมันแพงแล้วส่งผลเสียอะไรต่อธุรกิจอสังหาฯ คำตอบก็คือ เมื่อน้ำมันแพง “ต้นทุนค่าขนส่งวัสดุก่อสร้าง” ก็จะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ต้นทุนในการพัฒนาโครงการอสังหาฯ ก็ขยับตัวตาม กลายเป็นดันราคาให้พุ่งสูงขึ้นจนไม่สามารถซื้อ ขาย ลงทุนได้อย่างคล่องตัว
-
เศรษฐกิจชะลอตัวคนไม่กล้าจับจ่าย
ถือเป็นปัจจัยที่ทำให้ภาคอสังหาฯ ตกอยู่ในสภาวะชะลอตัวอย่างมาก เพราะเมื่อผู้คนยังกังวลต่อสถานการณ์สงครามก็จะไม่อยากจับจ่ายใช้สอย ไม่กล้าที่จะซื้อบ้าน หรือเข้าลงทุน เพราะอสังหาฯ เป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูง หากตัดสินใจซื้อหรือลงทุนไปแล้ว หากสถานการณ์สงครามยืดเยื้อหรือมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น สินค้าอุปโภคบริโภคจะปรับราคาสูงขึ้น เศรษฐกิจโดยรวมถดถอย อาจเกิดปัญหาการว่างงานเป็นจำนวนมาก จนเป็นเหตุให้เกิดปัญหา NPL ขึ้นในระบบ เหตุปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อความเชื่อมั่น ผู้บริโภคไม่กล้าซื้อ หรือลงทุนในอสังหาฯ จนกว่าสถานการณ์สงครามจะคลี่คลาย
ในภาพรวมจะเห็นได้ว่าสงครามรัสเซียและยูเครน ส่งผลทำให้ต้นทุนในการพัฒนาอสังหาฯ สูงขึ้นโดยตรง รวมถึงยังส่งผลต่อความเชื่อมั่นของต่อสภาวะเศรษฐกิขโดยรวมของประเทศว่าจะทรุดหนักลงไปอีก นำไปสู่ภาวะการชะลอตัวของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผู้ประกอบการที่ตั้งเป้าจะพัฒนาโครงการทั้งบ้านและคอนโดมิเนียม จำเป็นต้องหันมาเพิ่มความสำคัญกับสถิตืข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาวางแผนและประเมินความเสี่ยงอย่างรอบคอบ รวมถึงทางฝั่งผู้ซื้อบ้านและนักลงทุนก็เช่นกัน ที่ต้องประเมินความมั่นคงทางการเงินและการงานของตัวเองเป็นอย่างดี หากมีแผนเข้าซื้อหรือลงทุนในอสังหาฯ ณ ช่วงเวลานี้ที่สถานการณ์สงครามยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่าย ๆ ในเร็ววัน
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
REIC ดัชนีราคาค่าก่อสร้างมาตรฐาน
สมัครเป็นสมาชิกเว็บ REIC
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์
รู้ข้อมูลอสังหาฯ ก่อนใคร
สมัครได้ฟรี ไม่มีเงื่อนไข
เพื่อให้การซื้อ-ลงทุนที่อยู่อาศัย
เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแม่นยำที่สุด
.
.
สมัครเลยที่
https://www.reic.or.th/Member/RegisterGeneral
.
.
------------------------
ติดตามศูนย์ข้อมูลฯ เพิ่มเติมได้ที่
Website : www.reic.or.th
Twitter : www.twitter.com/REICFan
Youtube : www.youtube.com/user/REICPR
Line : @REICFan
#ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ #REIC