สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัย ไตรมาส 2/2567
Loading

สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัย ไตรมาส 2/2567

วันที่ : 24 กันยายน 2567
ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยทั้งโครงการแนวราบและอาคารชุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ และ 5 จังหวัดปริมณฑล ในไตรมาส 2 ปี 2567 พบว่า อุปทานที่อยู่อาศัยเสนอขายในตลาดที่อยู่อาศัยรวม (บ้านจัดสรรและอาคารชุด) มีจำนวน 229,528 หน่วย มูลค่า 1,350,586 ล้านบาท
  • สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัย ไตรมาส 2/2567 ยอดขายได้ใหม่ในภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยลดลง -8.4% ผลจากหน่วยขายได้ใหม่ของอาคารชุดลดลง -3.4% และบ้านจัดสรรลดลง -11.5%
  • ส่งผลให้หน่วยที่อยู่อาศัยเหลือขายรวมในตลาดเพิ่ม 12.6%
  • คาดมาตรการรัฐกระตุ้นยอดขายใหม่ ทั้งปี 2567 เพิ่มขึ้น 3.8%

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) รายงานผลสำรวจภาคสนามอุปทานและอุปสงค์ของโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขาย สำหรับรายไตรมาส 2 ปี 2567 ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล โดยสำรวจเฉพาะโครงการที่มีหน่วยเหลือขายไม่น้อยกว่า 6 หน่วย ซึ่งพบว่า ในกรุงเทพฯ และ 5 จังหวัดปริมณฑล สถานการณ์ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัย (แนวราบและอาคารชุด) ปรับตัวลดลงแรงทั้งอุปสงค์ และอุปทาน

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยผลการสำรวจภาวะภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยทั้งโครงการแนวราบและอาคารชุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ และ 5 จังหวัดปริมณฑล ในไตรมาส 2 ปี 2567 พบว่า อุปทานที่อยู่อาศัยเสนอขายในตลาดที่อยู่อาศัยรวม (บ้านจัดสรรและอาคารชุด) มีจำนวน 229,528 หน่วย มูลค่า 1,350,586 ล้านบาท ซึ่งขยายตัวร้อยละ 11.0 และร้อยละ 30.3 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนหนึ่งมาจากโครงการที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่เข้ามาสู่ตลาดจำนวน 17,197 หน่วย มูลค่า 128,440 บาท จำนวนหน่วยลดลงร้อยละ -23.9 มูลค่าลดลงร้อยละ -0.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยโครงการอาคารชุดเปิดตัวใหม่มี YoY ลดลงต่อเนื่อง 2 ไตรมาสทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า ซึ่งไตรมาส 2 มีจำนวนเปิดตัวโครงการใหม่อาคารชุด 7,967 หน่วย ลดลงร้อยละ -29.7 โดยเป็นการเปิดตัวโครงการใหม่ในกลุ่มระดับราคาน้อยกว่า 3.00 ล้านบาทเป็นหลัก ซึ่งมีจำนวน 4,282 หน่วย ขณะที่โครงการบ้านจัดสรรเปิดตัวใหม่มีจำนวน 9,230 หน่วย ลดลงร้อยละ -18.0 โดยเป็นการเปิดตัวโครงการใหม่ในกลุ่มราคา 3.01 - 7.50 ล้านบาทเป็นหลัก ซึ่งมีจำนวนถึง 4,969 หน่วย

ในด้านอุปสงค์พบที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่มีจำนวน 14,938 หน่วย ลดลงร้อยละ -8.4 มูลค่า 84,327 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -2.2 ในจำนวนดังกล่าวแบ่งเป็นโครงการอาคารชุด 6,029 หน่วย ลดลงร้อยละ- 3.4 มูลค่า 24,075 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -7.5 ซึ่งอาคารชุดที่ขายได้ใหม่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มระดับราคาต่ำกว่า 3.00 ล้านบาท โดยมีจำนวน 4,590 หน่วย ส่วนโครงการบ้านจัดสรรมีจำนวน 8,909 หน่วย ลดลงร้อยละ -11.5 แต่มีมูลค่า 60,251 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการบ้านจัดสรรขายได้ใหม่อยู่ในกลุ่มราคา 3.01 - 7.50 ล้านบาท โดยมีจำนวน 4,313 หน่วย

เป็นที่น่าสังเกตว่าภาพรวมหน่วยขายได้ใหม่ปรับตัวลดลง ทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่าต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า แต่เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนยังมีการขยายตัวติดลบแต่เป็นการติดลบที่น้อยลง จึงส่งผลให้อัตราดูดซับต่อเดือนปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 2.2 ซึ่งต่ำกว่าในช่วงไตรมาส 1 ปี 2567 ที่มีอัตราดูดซับที่ร้อยละ 2.3 โดยอัตราดูด ซับของอาคารชุดอยู่ที่ร้อยละ 2.2 และของบ้านจัดสรรอยู่ที่ร้อยละ 2.1 ซึ่งต่ำกว่าในช่วงไตรมาส 1 ที่มีอัตรา ดูดซับทั้ง 2 ประเภทอยู่ที่ร้อยละ 2.3

ทั้งนี้ มีผลให้ที่อยู่อาศัยเหลือขายยังคงเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้าติดต่อกันถึง 5 ไตรมาส โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 214,590 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.6 มูลค่า 1,266,259 ล้านบาท มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.3 เป็นที่อยู่อาศัยประเภทโครงการอาคารชุด 84,556 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.5 มูลค่า 379,544 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.6 และประเภทบ้านจัดสรร 130,034 หน่วยเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.4 มูลค่า 886,715 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 35.9

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เห็นภาพการเปลี่ยนแปลงตลาดที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น จึงแบ่งการรายงานสถานการณ์เป็น ตลาดที่อยู่อาศัยประเภทโครงการบ้านจัดสรร และโครงการอาคารชุด...
สามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่