ภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยได้ผ่านปี 2563 ด้วยปัจจัยลบมากมาย โดยทั้งจากภาพรวมทางเศรษฐกิจที่มีการชะลอตัวต่อเนื่องมาจากปี 2562 ประกอบกับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้ของการจ้างงานและกำลังซื้อของประชาชนจนทำให้เศรษฐกิจในปี 2563 มีการหดตัวลงร้อยละ -6.1 ส่งผลกระทบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์อย่างชัดเจน
                 ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้สำรวจข้อมูลอุปสงค์และอุปทานตลาดที่อยู่อาศัย (บ้านจัดสรรและอาคารชุด) ที่อยู่ระหว่างการขาย โดยนับเฉพาะโครงการที่มีหน่วยเหลือขายไม่ต่ำกว่า 6 หน่วย พบว่า ตลาดที่อยู่อาศัยใน 26 จังหวัด ณ สิ้นปี 2563 มีโครงการที่เปิดขายใหม่ 51,895 หน่วยคิดเป็นมูลค่า 2.51 แสนล้านบาท ลดลงจากครึ่งหลังปี 2562 ร้อยละ -35.5 และร้อยละ -19.3 ตามลำดับ ทำให้มีจำนวนหน่วยที่อยู่ระหว่างเสนอขายทั้งสิ้น 350,075 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 1.57 ล้านล้านบาท จำนวนหน่วยที่เสนอขายลดลงร้อยะ -1.4 แต่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.8 
                  สำหรับที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่ซึ่งมีการหดตัวตั้งแต่ปี 2562 จากมาตรการ LTV และในปี 2563 มีการหดตัวอย่างต่อเนื่องจากวิกฤติ COVID-19 มีจำนวนหน่วยขายได้ใหม่ลดลงเหลือ 51,884 หน่วย หรือลดลงร้อยละ -4.1 แต่มูลค่าขายได้ใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 2.2 แสนบ้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.0 จากครึ่งหลังปี 2562 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของบ้านจัดสรรทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า ร้อยละ 6.3 และ 25.8 ตามลำดับ แต่อาคารชุดมียอดขายได้ใหม่ลดลงทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า ลดลงร้อยละ -16.1 และร้อยละ -11.8 ตามลำดับ เนื่องจากโครงการอาคารชุดประสบกับปัญหากำลังซื้อของชาวต่างชาติจากข้อมูลการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดที่หดตัวลงถึงร้อยละ -35.3 ในปี 2563 แต่สำหรับโครงการบ้านจัดสรรซึ่งส่วนใหญ่ผู้ซื้อเป็นคนไทยและเป็นกำลังซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง 


 อ่านต่อฉบับเต็ม .... Download PDF