สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัย, ตลาดที่อยู่อาศัยกรุงเทพฯและปริมณฑล
Loading

สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ไตรมาส 1 ปี 2562

วันที่ : 29 พฤษภาคม 2562
 
                     



                     ภาพรวมในไตรมาส 1 ปี 2562 สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในด้านอุปสงค์เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2561  มีการปรับเพิ่มขึ้นของการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย และสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลปล่อยใหม่ เนื่องจากมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 เมษายน 2562 ส่งผลให้ยอดโอนกรรมสิทธิ์ และสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคลปล่อยใหม่มีการเร่งตัวก่อนที่จะมีมาตรการบังคับใช้ ส่วนในด้านอุปทานมีการปรับตัวลดลงของโครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ และที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2561
                     ผลการสำรวจภาคสนามโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายล่าสุด ณ สิ้นปี 2561 นับเฉพาะโครงการบ้านจัดสรรและอาคารชุด ที่มีหน่วยเหลือขายไม่ต่ำกว่า 6 หน่วยต่อโครงการ พบว่า มีจำนวนโครงการที่อยู่ระหว่างขายทั้งหมด 1,597 โครงการ มีจำนวนหน่วยในผังรวม 492,436 หน่วย และมูลค่าโครงการรวม 1,978,823 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นอุปทานเหลือขาย จำนวน 154,763 หน่วย คิดเป็นมูลค่ารวม 649,658 ล้านบาท เพิ่มขึ้นทั้งจำนวนหน่วยเหลือขายและมูลค่าเหลือขาย โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.5 และร้อยละ 18.4 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่มีจำนวน 1,584 โครงการ มีหน่วยในผังโครงการ  457,073 หน่วย และมีหน่วยเหลือขาย 142,638 หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 548,656 ล้านบาท
                    โดยแบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร มีจำนวน 1,088 โครงการ มีจำนวนหน่วยในผังรวม 207,216 หน่วย มีมูลค่าโครงการรวม 926,026 ล้านบาท และมีหน่วยเหลือขาย จำนวน 86,111 หน่วย หรือร้อยละ 41.6 ของหน่วยในผังโครงการบ้านจัดสรรทั้งหมด มูลค่าเหลือขายรวม 388,802 ล้านบาท เพิ่มขึ้นทั้งจำนวนหน่วยเหลือขายและมูลค่าเหลือขาย โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.1 และร้อยละ 14.5 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่มีจำนวน 1,135โครงการ มีหน่วยในผังโครงการ  212,780 หน่วย และมีหน่วยเหลือขาย 80,398 หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 339,612 ล้านบาท
ส่วนโครงการอาคารชุด มีจำนวน 509 โครงการ มีจำนวนหน่วยในผังรวม 285,220 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 1,052,257 ล้านบาท และมีหน่วยเหลือขาย จำนวน 68,652 หน่วย หรือร้อยละ 24.1 ของหน่วยในผังโครงการบ้านจัดสรรทั้งหมด มูลค่าเหลือขายรวม 260,856 ล้านบาท เพิ่มขึ้นทั้งจำนวนหน่วยเหลือขายและมูลค่าเหลือขาย โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.3 และร้อยละ 24.8 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่มีจำนวน 449 โครงการ มีหน่วยในผังโครงการ  244,293 หน่วย และมีหน่วยเหลือขาย 62,240 หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 209,044 ล้านบาท


 
อ่านต่อฉบับเต็ม .... Download PDF
สามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่