'ภูเก็ต' ทะยาน รับดีมานด์ต่างชาติ ปั้นศูนย์กลาง... Branded 
Loading

'ภูเก็ต' ทะยาน รับดีมานด์ต่างชาติ ปั้นศูนย์กลาง... Branded 

วันที่ : 12 พฤศจิกายน 2568
คอลลิเออร์ส ประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 มีโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่เปิดขายในภูเก็ตกว่า 85 โครงการ รวมมูลค่าการลงทุนกว่า 73,146 ล้านบาท หรือกว่า 5,500 ยูนิต โดยหลายโครงการสามารถปิดการขายได้รวดเร็วภายในเวลาไม่ถึงเดือน สะท้อนถึงแรงซื้อจากทั้งผู้บริโภคในประเทศและนักลงทุนต่างชาติที่ยังเชื่อมั่นในศักยภาพของตลาดไทย
   
     "ภูเก็ตขึ้นแท่นเมืองศูนย์กลาง Branded Residence แห่งเอเชีย นักลงทุนต่างชาติแห่จับจองต่อเนื่อง ขณะทุนใหญ่จากกรุงเทพฯ ปักธงโครงการใหม่รับไฮซีซันดันมูลค่าตลาดอสังหาฯ พุ่งกว่า 7 หมื่นล้านบาท"

     ท่ามกลางกระแสการชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพมหานคร "ภูเก็ต" กลับกลายเป็นเวทีใหม่ของการลงทุนที่ร้อนแรงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อทั้งดีมานด์เพื่อการอยู่อาศัยระยะยาว (Long-stay Demand) และเพื่อการลงทุน (Investment Demand) ทยอยหลั่งไหลเข้าสู่เกาะไข่มุกแห่งอันดามันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตลาดคอนโดมิเนียมและบ้านพักตากอากาศระดับพรีเมียม ซึ่งกำลังกลายเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยของนักลงทุนต่างชาติที่มองหาผลตอบแทนสูงจากอสังหาฯ เมืองท่องเที่ยวระดับโลก

    แผนกวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 มีโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่เปิดขายในภูเก็ตกว่า 85 โครงการ รวมมูลค่าการลงทุนกว่า 73,146 ล้านบาท หรือกว่า 5,500 ยูนิต โดยหลายโครงการสามารถปิดการขายได้รวดเร็วภายในเวลาไม่ถึงเดือน สะท้อนถึงแรงซื้อจากทั้งผู้บริโภคในประเทศและนักลงทุนต่างชาติที่ยังเชื่อมั่นในศักยภาพของตลาดไทย

    การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ โดยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ภูเก็ตมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามากว่า 7.6 ล้านคน สร้างรายได้กว่า 292,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเกือบ 1.5% ทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยเพื่อพักระยะยาวเติบโตควบคู่กับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะจากกลุ่มนักท่องเที่ยวรัสเซีย ออสเตรเลีย อินเดีย จีน และคาซัคสถานที่มีกำลังซื้อสูงและนิยมซื้อเพื่ออยู่อาศัยหรือปล่อยเช่า

    คลื่นการลงทุนรอบใหม่จากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์กรุงเทพฯ กำลังไหลบ่าลงใต้แบบไม่หยุดยั้ง ตั้งแต่ เอสซี แอสเสท ที่ร่วมทุนกับโบ๊ทพัฒนา พัฒนาโครงการรวมกว่า 8,000 ล้านบาท, พราว เรียลเอสเตท เปิดตัวคอนโดหรู The Residences at InterContinental Phuket Resort มูลค่า 2,500 ล้านบาท, แสนสิริ เตรียมเปิดสองโครงการใหม่ ดีคอนโด โคฟและ เศรษฐสิริ เกาะแก้ว รีทรีต มูลค่ารวม 3,800 ล้านบาท

    ขณะที่ ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ และ บริทาเนีย ร่วมมือพัฒนาโครงการ Origin Residence Phuket Bangtao และ Belgravia Center Phuket เจาะตลาดบางเทา ซึ่งกำลังเป็นทำเลทองแห่งใหม่ ส่วน ศุภาลัย เปิดตัว ศุภาลัย ซีนิค เบย์ และด้าน AssetWise เจ้าของแบรนด์ The Title ก็สร้างปรากฏการณ์ "ขายหมดในวันเดียว" (Sold Out) สำหรับโครงการ ViVi คอนโดมิเนียมในย่านบางเทา

    นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการแผนกวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทยวิเคราะห์ว่า แม้ภูเก็ตจะผ่านช่วง "บูมสุดขีด" มาแล้ว แต่ตลาดยังไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย หากอยู่ในจุด "สมดุลใหม่" (New Equilibrium) ที่ยั่งยืนกว่า อุปทานคอนโดจากเดิมสูงถึง 12,000-15,000 ยูนิต ลดลงเหลือประมาณ 7,000 ยูนิตในปีนี้ ขณะที่อุปทานบ้านพักตากอากาศก็ลดจาก 1,400 ยูนิต เหลือเพียง 600-700 ยูนิตต่อปี

    การลดลงของซัพพลายสะท้อนถึงการปรับตัวของผู้พัฒนาโครงการที่หันมาควบคุมความเสี่ยง แต่ในขณะเดียวกัน "Yield" หรือผลตอบแทนค่าเช่าในตลาดยังคงสูงจนน่าจับตา โดยบางโครงการสามารถสร้างรายได้ช่วง High Season ได้ถึง 200,000-350,000 บาทต่อยูนิตต่อคืน ซึ่งถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดรีสอร์ตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    แม้ทุนกรุงเทพฯ จะรุกคืบ แต่ตลาดวิลล่าระดับหรูยังคงถูกครองโดยผู้ประกอบการท้องถิ่นอย่างอัญชัน และอันดามัน แอสเสทที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการสไตล์รีสอร์ตเฉพาะกลุ่ม ส่วนตลาดคอนโดมิเนียมระดับกลาง-บนถูกยึดโดยสามขาใหญ่จากกรุงเทพฯ ได้แก่ AssetWise, แสนสิริ, และ Origin ซึ่งต่างมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่รับดีมานด์จากนักลงทุนต่างชาติ

    ในกลุ่ม Branded Residence ซึ่งถือเป็นเซ็กเมนต์ที่เติบโตเร็วที่สุดของตลาด โครงการอย่าง The Standard Residences และ Inter Continental Residences ทำยอดขายดีเกินคาด เฉพาะ The Standard เฟสแรกขายยูนิต 2 ห้องนอนได้หมดภายในเวลาไม่นาน มีอัตราดูดซับสูงถึง 90% และเตรียมเปิดเฟสใหม่ที่หาดลายันในปีหน้า

    เมื่อสำรวจโซนที่มีอุปทานเปิดขายใหม่มากที่สุด จะพบว่าทำเลยอดนิยมยังคงอยู่ที่ บางเทา เชิงทะเล กะตะ กะรน และราไวย์ซึ่งมีทั้งคอนโดและวิลล่าระดับพรีเมียม รวมมูลค่าการลงทุนกว่า 36,000 ล้านบาท ในช่วงสามไตรมาสแรก โดยเฉพาะโซนเชิงทะเลที่มีอุปทานใหม่ถึง 55% ของตลาดทั้งหมด

    ทำเลดังกล่าวไม่เพียงเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว แต่ยังได้รับอานิสงส์จากโครงสร้างพื้นฐานใหม่ เช่น ถนนเลี่ยงเมืองเชื่อมสนามบินภูเก็ตตอนเหนือ และโครงการรถไฟรางเบาที่อยู่ระหว่างศึกษาความเหมาะสม ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการเชื่อมต่อระหว่างเมืองและกระตุ้นการพัฒนาโครงการระดับนานาชาติในอนาคต

    อีกเทรนด์สำคัญคือการพัฒนาโครงการตามแนวทาง Sustainable Development ซึ่งเริ่มเป็นมาตรฐานใหม่ของตลาดบ้านพักตากอากาศระดับบน ผู้พัฒนาโครงการรุ่นใหม่เริ่มใช้วัสดุรักษ์สิ่งแวดล้อม ออกแบบบ้านประหยัดพลังงาน และวางระบบจัดการน้ำเสียอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับกลุ่มผู้ซื้อที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิต

    ในเชิงกลยุทธ์ คอลลิเออร์สแนะนำให้ผู้พัฒนาโครงการมุ่งเน้นช่วงราคาขาย 30-50 ล้านบาทต่อยูนิต ซึ่งเป็นระดับราคาที่ดีมานด์ยังแข็งแรงจากทั้งนักลงทุนรัสเซีย จีน และยุโรป รวมถึงกลุ่มเศรษฐีไทยที่ต้องการบ้านพักระยะยาวในทำเลเงียบสงบ แต่ยังเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกได้ง่าย

    ภูเก็ตในวันนี้อาจเป็นมากกว่า "เมืองท่องเที่ยวระดับโลก" อีกต่อไป แต่กำลังขยับสู่สถานะ" ศูนย์กลางอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนของเอเชีย" ด้วยแรงหนุนจาก Branded Residence และการเข้ามาของทุนใหญ่จากกรุงเทพฯ ที่ช่วยยกระดับมาตรฐานตลาดทั้งด้านดีไซน์ การบริการ และความยั่งยืน หากแนวโน้มนี้เดินหน้าต่อเนื่อง ภูเก็ตอาจกลายเป็นต้นแบบของเมืองลงทุนอสังหาริมทรัพย์แห่งอนาคตของไทยที่ผสานทั้ง "การอยู่อาศัย การท่องเที่ยวและการลงทุน" ได้อย่างลงตัวที่สุดในภูมิภาค
ข่าวอสังหาริมทรัพย์ภูมิภาค อื่นๆ