กระทุ้งรัฐฟื้นบ้านหลังแรก
วันที่ : 7 พฤศจิกายน 2568
สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า สมาคมฯ อยากเรียกร้องให้ภาครัฐฟื้นมาตรการสินเชื่อบ้านหลังแรกและเร่งดำเนินการเกณฑ์สินเชื่อแบบมาตรฐานเดียวกัน เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัยได้อย่างเท่าเทียม เพราะขณะนี้ตลาดอสังหาฯ ยังมีอุปสรรคด้านสินเชื่ออย่างมาก ทำให้กดดันการฟื้นตัวของตลาดในช่วงครึ่งหลังของปี 68 นี้
ยอดปฏิเสธสินเชื่อพุ่ง40%
ชี้บ้านต่ำกว่า3ล้านบาทดิ่ง
รายงานข่าวจาก สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า สมาคมฯ อยากเรียกร้องให้ภาครัฐฟื้นมาตรการสินเชื่อบ้านหลังแรกและเร่งดำเนินการเกณฑ์สินเชื่อแบบมาตรฐานเดียวกัน เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัยได้อย่างเท่าเทียม เพราะขณะนี้ตลาดอสังหาฯ ยังมีอุปสรรคด้านสินเชื่ออย่างมาก ทำให้กดดันการฟื้นตัวของตลาดในช่วงครึ่งหลังของปี 68 นี้ และคาดว่าหากมีมาตรการดังกล่าวเกิดขึ้นจะช่วยให้ตลาดเริ่มฟื้นตัวได้อย่างมีนัยสำคัญในช่วงต้นปี 69
ทั้งนี้ผลสำรวจการขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยในไตรมาส 3 ปีนี้ จากผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกจำนวน 17 ราย กว่า 200 โครงการ พบว่า อัตราการปฏิเสธสินเชื่อยังทรงตัวในระดับ 39-40% สะท้อนจากปัญหาการเข้าถึงของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มบ้านราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและหลักเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้น
สำหรับปัญหาหลักของผู้กู้ คือ ภาระหนี้สูงเกินไป 37.3% รายได้ไม่มั่นคง 33.3% และประวัติทางการเงินไม่ดี 21.6% ขณะที่ฝั่งธนาคารยังเข้มงวดในการพิจารณา โดยสาเหตุที่ปฏิเสธส่วนใหญ่มาจากเกณฑ์ที่เข้มงวด 25.5% ระบบเอกสารซับซ้อน 12.8% และใช้เวลาพิจารณานาน 17% ซึ่งกลุ่มลูกค้าที่ได้รับผลกระทบสูงสุด คือ ผู้มีรายได้ไม่ประจำ อาทิ ฟรีแลนซ์ พ่อค้าแม่ค้า และแรงงานอิสระ ซึ่งแม้จะมีความสามารถในการชำระหนี้แต่ไม่สามารถแสดงหลักฐานรายได้ตามรูปแบบที่ธนาคารยอมรับได้
สำหรับผลกระทบที่ตามมาในภาคอสังหาฯ คือ กลุ่มบ้านราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท มีการปฏิเสธสินเชื่อสูงสุดและยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัว ขณะที่กลุ่มบ้านราคา 3-7 ล้านบาท ทรงตัวมาจากไตรมาสก่อน และกลุ่มบ้านราคามากกว่า 7 ล้านบาท แม้อัตราการปฏิเสธต่ำสุด แต่เริ่มมีสัญญาณชะลอตัวในกลุ่มลูกค้าธุรกิจ เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา พบว่า อัตราการปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 2-3 จุดเปอร์เซ็นต์ ขณะที่ยอดโอนกรรมสิทธิ์บ้านแนวราบชะลอตัวตามกำลังซื้อที่ลดลง
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการจึงขอเสนอแนวทางในการปรับปรุงปัญหาดังกล่าวกับภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การปรับเกณฑ์สินเชื่อให้ยืดหยุ่นมากขึ้น 31.4% พิจารณากลุ่มอาชีพอิสระและผู้มีรายได้ออนไลน์โดยเฉพาะ 19.6% ลดอัตราดอกเบื้ยสินเชื่อและขั้นตอนเอกสาร 25.5% และในเชิงนโยบายระยะสั้นอยากเสนอให้ภาครัฐและธนาคารพาณิชย์ดำเนินมาตรการเฉพาะกลุ่ม เช่น สินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษสำหรับบ้านหลังแรกราคาต่ำกว่าหรือเท่ากับ 3 ล้านบาท 30.4% ลดหย่อนภาษีดอกเบี้ยเงินกู้และเงินดาวน์ 17.4% และลดค่าธรรมเนียมโอน-จดจำนอง เพื่อกระตุ้นตลาดช่วงปลายปี
ชี้บ้านต่ำกว่า3ล้านบาทดิ่ง
รายงานข่าวจาก สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า สมาคมฯ อยากเรียกร้องให้ภาครัฐฟื้นมาตรการสินเชื่อบ้านหลังแรกและเร่งดำเนินการเกณฑ์สินเชื่อแบบมาตรฐานเดียวกัน เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัยได้อย่างเท่าเทียม เพราะขณะนี้ตลาดอสังหาฯ ยังมีอุปสรรคด้านสินเชื่ออย่างมาก ทำให้กดดันการฟื้นตัวของตลาดในช่วงครึ่งหลังของปี 68 นี้ และคาดว่าหากมีมาตรการดังกล่าวเกิดขึ้นจะช่วยให้ตลาดเริ่มฟื้นตัวได้อย่างมีนัยสำคัญในช่วงต้นปี 69
ทั้งนี้ผลสำรวจการขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยในไตรมาส 3 ปีนี้ จากผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกจำนวน 17 ราย กว่า 200 โครงการ พบว่า อัตราการปฏิเสธสินเชื่อยังทรงตัวในระดับ 39-40% สะท้อนจากปัญหาการเข้าถึงของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มบ้านราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและหลักเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้น
สำหรับปัญหาหลักของผู้กู้ คือ ภาระหนี้สูงเกินไป 37.3% รายได้ไม่มั่นคง 33.3% และประวัติทางการเงินไม่ดี 21.6% ขณะที่ฝั่งธนาคารยังเข้มงวดในการพิจารณา โดยสาเหตุที่ปฏิเสธส่วนใหญ่มาจากเกณฑ์ที่เข้มงวด 25.5% ระบบเอกสารซับซ้อน 12.8% และใช้เวลาพิจารณานาน 17% ซึ่งกลุ่มลูกค้าที่ได้รับผลกระทบสูงสุด คือ ผู้มีรายได้ไม่ประจำ อาทิ ฟรีแลนซ์ พ่อค้าแม่ค้า และแรงงานอิสระ ซึ่งแม้จะมีความสามารถในการชำระหนี้แต่ไม่สามารถแสดงหลักฐานรายได้ตามรูปแบบที่ธนาคารยอมรับได้
สำหรับผลกระทบที่ตามมาในภาคอสังหาฯ คือ กลุ่มบ้านราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท มีการปฏิเสธสินเชื่อสูงสุดและยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัว ขณะที่กลุ่มบ้านราคา 3-7 ล้านบาท ทรงตัวมาจากไตรมาสก่อน และกลุ่มบ้านราคามากกว่า 7 ล้านบาท แม้อัตราการปฏิเสธต่ำสุด แต่เริ่มมีสัญญาณชะลอตัวในกลุ่มลูกค้าธุรกิจ เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา พบว่า อัตราการปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 2-3 จุดเปอร์เซ็นต์ ขณะที่ยอดโอนกรรมสิทธิ์บ้านแนวราบชะลอตัวตามกำลังซื้อที่ลดลง
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการจึงขอเสนอแนวทางในการปรับปรุงปัญหาดังกล่าวกับภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การปรับเกณฑ์สินเชื่อให้ยืดหยุ่นมากขึ้น 31.4% พิจารณากลุ่มอาชีพอิสระและผู้มีรายได้ออนไลน์โดยเฉพาะ 19.6% ลดอัตราดอกเบื้ยสินเชื่อและขั้นตอนเอกสาร 25.5% และในเชิงนโยบายระยะสั้นอยากเสนอให้ภาครัฐและธนาคารพาณิชย์ดำเนินมาตรการเฉพาะกลุ่ม เช่น สินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษสำหรับบ้านหลังแรกราคาต่ำกว่าหรือเท่ากับ 3 ล้านบาท 30.4% ลดหย่อนภาษีดอกเบี้ยเงินกู้และเงินดาวน์ 17.4% และลดค่าธรรมเนียมโอน-จดจำนอง เพื่อกระตุ้นตลาดช่วงปลายปี
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ