อสังหาฯอีสานเข้าสู่โหมดWait & See โคราช ‘ทรงตัว’ อุดรฯ ‘ซบหนัก’
Loading

อสังหาฯอีสานเข้าสู่โหมดWait & See โคราช ‘ทรงตัว’ อุดรฯ ‘ซบหนัก’

วันที่ : 25 กันยายน 2568
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ตลาดที่อยู่อาศัยในภาคอีสานมีหน่วยขายรวม 14,515 หน่วย คิดเป็น 3.8% ของภาพรวมประเทศ “ขอนแก่น” ขึ้นแท่นเบอร์หนึ่ง ด้วยส่วนแบ่งตลาด 1.6% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะโครงการที่อยู่ระหว่างการขายซึ่งขยายตัวถึง 40% ส่วน “โคราช” ที่เคยครองอันดับหนึ่งหลายปี กลับมีหน่วยขายลดลงถึง 16.9% เหลือเพียง 1.3% ของภาพรวมตลาด
   ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ “ภาคอีสาน” ส่งสัญญาณ Wait & See ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย รอคอยการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจกระตุ้นกำลังซื้อ

   กระแสการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ “ภาคอีสาน” ส่งสัญญาณการขยับตัวอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะ 5 จังหวัดหลักอย่าง ขอนแก่น นครราชสีมา (โคราช) อุบลราชธานี อุดรธานี และมหาสารคาม ซึ่งเป็นหัวใจของตลาดที่อยู่อาศัยในภูมิภาคนี้

   สิทธิเพ็ญ สิทธัตถพงษ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ รักษาการผู้ช่วยผู้อำนวยการ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ตลาดที่อยู่อาศัยในภาคอีสานมีหน่วยขายรวม 14,515 หน่วย คิดเป็น 3.8% ของภาพรวมประเทศ “ขอนแก่น” ขึ้นแท่นเบอร์หนึ่ง ด้วยส่วนแบ่งตลาด 1.6% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะโครงการที่อยู่ระหว่างการขายซึ่งขยายตัวถึง 40% ส่วน “โคราช” ที่เคยครองอันดับหนึ่งหลายปี กลับมีหน่วยขายลดลงถึง 16.9% เหลือเพียง 1.3% ของภาพรวมตลาด

    “ขอนแก่นกับโคราช ผลัดกันเป็นเบอร์หนึ่ง เบอร์สอง แต่ปีนี้ ขอนแก่นมาแรงกว่าในแง่จำนวนหน่วยขาย”

    ลำดับถัดมา “อุบลราชธานี” แซงหน้า “อุดรธานี” ขึ้นมาเป็นอันดับสาม ด้วยจำนวนหน่วยที่อยู่ระหว่างการขาย 1,420 หน่วย เพิ่มขึ้น 22.6% ขณะที่ อุดรธานี มี 1,287 หน่วย เพิ่มขึ้น 11% ส่วน “มหาสารคาม” ยังอยู่ในภาวะชะลอตัว มีหน่วยขายเพียง 498 หน่วย ลดลงถึง 19%

    “ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภาคอีสาน ภาพที่ปรากฏเวลานี้ คือ ความเงียบเชียบแบบ ‘ทรงตัว’ ท่ามกลางภาวะรอคอยการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เม็ดเงินจากภาครัฐ แผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และรอกำลังซื้อที่ยังไม่ฟื้นตัว”

    ตลาด “บ้าน” ในโคราช และ อุดรธานี สองหัวเมืองเศรษฐกิจหลักของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จึงสะท้อนภาพรวมของภาคอสังหาฯ ต่างจังหวัดได้ชัดเจนที่สุด ณ เวลานี้

   โคราช บ้านแนวราบ“กลาง-บน”ยังไปไหว

   ณัฐพงษ์ ประสารศิวมัย นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดนครราชสีมา มองทิศทางดังกล่าว ประเมินว่า ตลาดยังไม่ฟื้น แต่พอไปได้! บ้านแนวราบระดับกลาง-บน ยังพอมีแรงซื้อ โดยเฉพาะโครงการระดับราคา 5-20 ล้านบาท ที่ดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่จากกรุงเทพฯเข้ามาทำตลาด พบยอดจองค่อนข้างดี สะท้อนดีมานด์ที่ยังมีอยู่จริง

   สาเหตุหลักที่กลุ่มนี้ยังเดินหน้าได้ เพราะผู้ซื้อระดับกลาง-บนในโคราชเริ่มฟื้นตัวจากผลกระทบเศรษฐกิจ โดยมีแรงหนุนสำคัญจากมาตรการภาครัฐ เช่น การลดค่าธรรมเนียมโอน-จดจำนอง การผ่อนคลายมาตรการควบคุมสินเชื่อ LTV (Loan to Value) รวมถึงการลดอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ถึง 2 ครั้งติดต่อกัน ต่างจากบ้านแนวราบ และคอนโดมิเนียม ในโคราชยังไม่ขยับ เหตุเพราะซัพพลายจากปีก่อนยังเหลือค้างจำนวนมาก ทำให้โครงการใหม่แทบไม่มีการเปิดตัว

   ณัฐพงษ์ ชี้ว่า ดีเวลลอปเปอร์หลายราย โดยเฉพาะจากกรุงเทพฯ เลือกที่จะ “รอดูท่าที” มากกว่าจะรีบเปิดตัว เพราะต้องบริหารสต็อกเดิมให้หมดก่อน

   “ตอนนี้เป็นช่วง Wait & See ทุกฝ่าย ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย เพราะโครงการใหญ่ในเชิงโครงสร้างพื้นฐานยังไม่เปิดให้บริการจริง แต่มีความหวังอยู่ที่ ปี 2569 ที่โครงการมอเตอร์เวย์ หรือรถไฟความเร็วสูงน่าจะแล้วเสร็จ ช่วยยกระดับเมืองและกำลังซื้อ”

    แนะรัฐ “อัดยาแรง-สานต่อนโยบายดี”

    สมาคมอสังหาริมทรัพย์โคราชและภูมิภาคอื่นๆ กำลังรวมพลังเสียงเพื่อยื่นข้อเสนอไปยัง ธปท. และกระทรวงการคลัง ถึงความจำเป็นในการเดินหน้ามาตรการกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้สะดุดกลางคัน

    “มาตรการไหนที่ดี อยากให้ดำเนินต่อ โดยเฉพาะการลดดอกเบี้ย และวงเงินพิเศษจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) รวมถึงการผ่อนคลายเกณฑ์เครดิตบูโร จะช่วยให้ประชาชนเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้นในช่วงปลายปีนี้”

    อสังหาฯ อุดรตลาดนิ่ง กำลังซื้อหาย

   สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในอุดรธานี ไม่ต่างจากโคราชนัก หากแต่ “ความซบเซา” ดูจะหนักหนากว่า

   จตุรงค์ ธนะปุระ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์อุดรธานี ยังไม่ฟื้นและอาจนิ่งไปจนถึงปีหน้า ยิ่งเมื่อพิจารณาปัจจัยรายได้ประชากรที่ลดลงจากภาคการเกษตรและท่องเที่ยว ซึ่งเป็นฐานเศรษฐกิจหลักของพื้นที่

    “รายได้ลด ความมั่นใจหาย คนไม่กล้าซื้อบ้าน ต่อให้มีมาตรการจากรัฐออกมาก็ไม่ได้ช่วยเต็มที่ เพราะไม่มีเงินซื้อ”

    นอกจากนี้ ยังต้องรับมือกับราคาที่ดินพุ่งสูงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทำให้ต้นทุนการพัฒนาโครงการใหม่สูงขึ้นตาม กดดันราคาขายให้เกินกำลังซื้อของประชาชน

    บ้านมือสองราคาถูกยังพอขายได้

   ในภาวะที่บ้านใหม่ราคาสูงเกินไป ทำให้ตลาดบ้านมือสองในอุดรธานี ได้รับความนิยม โดยเฉพาะบ้านราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท สอดคล้องกับรายงานของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ระบุว่า บ้านระดับราคานี้ยังพอมีกำลังซื้อ
 
  “บ้านมือสองที่ราคาไม่เกิน 2.5 ล้านบาท ขายดีมาก ส่วนบ้านใหม่ขายดี อยู่ในระดับไม่เกิน 3 ล้านบาทขึ้นไป เพราะราคานี้ตอบโจทย์กำลังซื้อได้จริง”

   นอกจากนี้ยังมีดีเวลลอปเปอร์รายย่อยที่ไม่ใช่โครงการจัดสรรมาทำบ้านเอง เน้นบริหารต้นทุนต่ำ ปรากฏว่ากลับขายได้ดีกว่า เพราะสามารถตั้งราคาต่ำกว่าโครงการใหญ่ๆ ได้อย่างชัดเจน

    “รถไฟ-แผนเมืองใหม่” จุดเปลี่ยนที่ยังไม่มา

    อย่างไรก็ดี โครงการรถไฟสายใหม่และวงแหวนรอบเมืองอุดรธานี เป็นความหวังหลักของเมืองในการเปลี่ยนโฉมเศรษฐกิจ แต่ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา และไม่ส่งผลต่อกำลังซื้อในระยะสั้น

    “ถ้าโครงสร้างพื้นฐานมาเมื่อไหร่ เมืองเปลี่ยนแน่! และอสังหาริมทรัพย์จะกลับมาคึกคัก แต่ตอนนี้ยังเป็นช่วงรอ”

    ที่ผ่านมาแม้ภาครัฐจะเริ่มทยอยปล่อยมาตรการออกมา แต่มองว่า ช้าเกินไป! และ ไม่เพียงพอ! เพราะในภาวะที่ประชาชนยังไม่มั่นใจ เศรษฐกิจไม่ฟื้นตัวอย่างเป็นรูปธรรม มาตรการที่ออกมาควร “เร็ว” และ “ตรงจุด” กว่านี้

    “ช่วยแค่กระตุ้นการท่องเที่ยวก็ยังดี เพราะจะช่วยสร้างมัลติพลายเออร์ให้รายได้ในท้องถิ่น และส่งผลกลับมาที่กำลังซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้โดยตรง”

     ท่ามกลางเศรษฐกิจที่เปราะบาง อสังหาริมทรัพย์ภาคอีสานยังพอมีหวัง หากได้รับแรงส่งที่ถูกจังหวะ และมีความต่อเนื่องจากนโยบายภาครัฐ
ข่าว reic จากสื่อสิ่งพิมพ์ อื่นๆ
29 กันยายน 2568
อุตฯย้ายฐานเข้าไทยหนีภาษีตอบโต้ ดันอสังหาฯกรุงเก่าโตสวนตลาด
ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ เปิดเผยข้อมูลการจัดเก็บตัวเลขสถานการณ์ตลาดอสังหาฯ ภาคกลาง ในจังหวัดสระบุรี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พบว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 จังหวัดสระบุรี มีจำนวนบ้านในโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย หรือบ้านสร้างใหม่ 2,720 หน่วย เพิ่มขึ้นจาก ช่วงเดียวกันของปี 2567 ที่มีหน่วยอยู่ระหว่างการขาย 2,444 หน่วย หรือเพิ่มขึ้น 11.3% ขณะที่มูลค่าของหน่วยที่อยู่ระหว่างการขายอยู่ที่ 8,343 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.6 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีมูลค่าการขายอยู่ที่ 7,092 ล้านบาท