BAM ดีลบจ.ขายNPAคอนโด ชูQ3แจ่ม-ยอดเก็บตามเป้า
วันที่ : 19 สิงหาคม 2568
BAM เดินหน้าจับมือผู้พัฒนาอสังหา บจ. ระบาย คอนโดแบรนด์เดิมล็อตแรก 200 ยูนิต มูลค่า 600-800 ล้านบาท ชี้ชัดเจน เดือนกันยายนนี้ พร้อมคาด Q3/2568 ผลงานเด่น มั่นใจยอดเก็บเงินสดหนุน เข้าเป้าปีนี้ 17,800 ล้านบาท เดินหน้า กลยุทธ์ "Opportunities for All" ทั้ง NPL/NPA เล็งซื้อทรัพย์ใหม่ 8,800 ล้านบาท ลุยโครงการ "ทรัพย์มหาชน" ตอบโจทย์ที่อยู่อาศัยราคาย่อมเยา
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพาร์ตเนอร์รายใหม่ ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ (ดีเวลล็อปเปอร์) ที่เป็นบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหุ้นไทย เพื่อสินทรัพย์ให้กับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายเดิม (Branded Properties Developer) ภายใต้การบริหารของ BAM เพิ่มเติม เพื่อสร้างรายเพิ่มเติมให้กับธุรกิจ
ทั้งนี้ เบื้องต้น NPA ที่จะดำเนินการขายนั้นจะเป็นเภทคอนโดมิเนียมที่บจ.ดังกล่าวเป็นเจ้าของแบรนด์เดิมล็อตแรก อยู่ที่ประมาณ 200 ยูนิต ซึ่งมีราคาขายเฉลี่ยราว 3-4 ล้านบาทต่อยูนิต ซึ่งคาดชัดเจนเกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆ ในช่วงเดือนกันยายนนี้
แย้ม Q3 ฟอร์มแจ่ม
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีทรัพย์สินรอการขาย (NPA) จำนวน 28,043 รายการ คิดเป็นราคาประเมิน 77,812 ล้านบาท และยังมีหนี้เสีย (NPL) ที่อยู่ในความดูแล 91,009 ราย คิดเป็น ภาระหนี้เงินต้น 487,117 ล้านบาท ซึ่งในส่วนของ NPA นั้นคาดจะสามารถดำเนินการขายและสร้างรายได้ในช่วงที่เหลือปีนี้คิดเป็นมูลค่าราว 8,000 ล้านบาท และ ที่เหลือคงต่อเนื่องในปีถัดไป
สำหรับแนวโน้มผลงานในไตรมาส 3/2568 คาดน่าจะปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน เพราะภาพรวมยอดจัดเก็บเงินสดขยายตัวมากขึ้น หลังมีการร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ต่างๆ ในการขาย NPA อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ทิศทางยอดเก็บที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ดี ในแง่ของยอดผลเรียกเก็บเงินในปี 2568 บริษัทคาดน่าจะเป็นตามเป้าหมายที่วางไว้ราว 17,800 ล้านบาท หลังครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 10,154 ล้านบาท ประกอบกับมองว่าในช่วงที่เหลือปีนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี อีกทั้งบริษัทคาดอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA) ปีนี้จะขยับเพิ่มขึ้นเป็น 4.45% จากครึ่งปีแรก 4.39% และเชื่ออัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น Return On Equity (ROE) ปีนี้แตะ 5.12% จากครึ่งปีแรก 5.07%
เล็งซื้อทรัพย์เข้าพอร์ต
ดร.รักษ์ กล่าวเสริมว่า ในช่วงครึ่งหลังปี 2568 ว่า BAM ยังคงเดินหน้าด้วยกลยุทธ์เชิงรุกทั้งด้าน NPL/NPA ด้วยแนวทาง Stronger Together โดยการเปลี่ยน Model "ปู่โสมเฝ้าทรัพย์" มาสู่ Model ธุรกิจใหม่ ภายใต้แนวคิด "Opportunities for All" ที่ให้โอกาสลูกหนี้ NPL พลิกฟื้นกลับมาเป็นลูกหนี้ Reperforming Loan (RPL) ด้วยกลยุทธ์ TDR Factory และโครงการ FA Center ซึ่งด้าน NPA ยังเดินหน้าความร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตรที่เป็น Developers ทั้งขนาด S, M, L ในรูปแบบ Model ที่ Developers จะเข้ามา Flipping และขายให้กลุ่มลูกค้าของตนเอง
ส่วนภาพรวมของสินทรัพย์ที่สถาบันออกมาขายในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะเกือบ 2 แสนล้านบาท มากกว่า ปีก่อนที่ราว 1.4-1.5 แสนล้านบาท โดย BAM อยากเลือกซื้อมากขึ้น แต่จะเน้นสินทรัพย์ที่มีคุณภาพเป็นหลัก จากงบลงทุนวางไว้ราว 8,800 ล้านบาท เพื่อให้เวลาถือครองสินทรัพย์จากเดิม 8 ปี เหลือการถือครองไม่เกิน 4 ปีครึ่ง เพื่อช่วยเพิ่มความสามารถในการสร้างผลตอบแทนให้กับบริษัทอย่างมั่นคงในอนาคตต่อไป
นอกจากนี้ ทาง BAM เตรียมเปิดตัวโครงการ "ทรัพย์มหาชน" สำหรับผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยราคาไม่แพง สามารถผ่อนชำระกับ BAM โดยตรง หรือผ่อนชำระกับสถาบันการเงินพันธมิตรที่ปล่อยสินเชื่อเงื่อนไขพิเศษให้กับลูกค้าที่ซื้อทรัพย์ BAM จะสามารถระบายสินค้าได้ประมาณหลัก 100 ยูนิต คาดว่าความชัดเจนในช่วงไตรมาส 4/2568
ทั้งนี้ เบื้องต้น NPA ที่จะดำเนินการขายนั้นจะเป็นเภทคอนโดมิเนียมที่บจ.ดังกล่าวเป็นเจ้าของแบรนด์เดิมล็อตแรก อยู่ที่ประมาณ 200 ยูนิต ซึ่งมีราคาขายเฉลี่ยราว 3-4 ล้านบาทต่อยูนิต ซึ่งคาดชัดเจนเกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆ ในช่วงเดือนกันยายนนี้
แย้ม Q3 ฟอร์มแจ่ม
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีทรัพย์สินรอการขาย (NPA) จำนวน 28,043 รายการ คิดเป็นราคาประเมิน 77,812 ล้านบาท และยังมีหนี้เสีย (NPL) ที่อยู่ในความดูแล 91,009 ราย คิดเป็น ภาระหนี้เงินต้น 487,117 ล้านบาท ซึ่งในส่วนของ NPA นั้นคาดจะสามารถดำเนินการขายและสร้างรายได้ในช่วงที่เหลือปีนี้คิดเป็นมูลค่าราว 8,000 ล้านบาท และ ที่เหลือคงต่อเนื่องในปีถัดไป
สำหรับแนวโน้มผลงานในไตรมาส 3/2568 คาดน่าจะปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน เพราะภาพรวมยอดจัดเก็บเงินสดขยายตัวมากขึ้น หลังมีการร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ต่างๆ ในการขาย NPA อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ทิศทางยอดเก็บที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ดี ในแง่ของยอดผลเรียกเก็บเงินในปี 2568 บริษัทคาดน่าจะเป็นตามเป้าหมายที่วางไว้ราว 17,800 ล้านบาท หลังครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 10,154 ล้านบาท ประกอบกับมองว่าในช่วงที่เหลือปีนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี อีกทั้งบริษัทคาดอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA) ปีนี้จะขยับเพิ่มขึ้นเป็น 4.45% จากครึ่งปีแรก 4.39% และเชื่ออัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น Return On Equity (ROE) ปีนี้แตะ 5.12% จากครึ่งปีแรก 5.07%
เล็งซื้อทรัพย์เข้าพอร์ต
ดร.รักษ์ กล่าวเสริมว่า ในช่วงครึ่งหลังปี 2568 ว่า BAM ยังคงเดินหน้าด้วยกลยุทธ์เชิงรุกทั้งด้าน NPL/NPA ด้วยแนวทาง Stronger Together โดยการเปลี่ยน Model "ปู่โสมเฝ้าทรัพย์" มาสู่ Model ธุรกิจใหม่ ภายใต้แนวคิด "Opportunities for All" ที่ให้โอกาสลูกหนี้ NPL พลิกฟื้นกลับมาเป็นลูกหนี้ Reperforming Loan (RPL) ด้วยกลยุทธ์ TDR Factory และโครงการ FA Center ซึ่งด้าน NPA ยังเดินหน้าความร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตรที่เป็น Developers ทั้งขนาด S, M, L ในรูปแบบ Model ที่ Developers จะเข้ามา Flipping และขายให้กลุ่มลูกค้าของตนเอง
ส่วนภาพรวมของสินทรัพย์ที่สถาบันออกมาขายในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะเกือบ 2 แสนล้านบาท มากกว่า ปีก่อนที่ราว 1.4-1.5 แสนล้านบาท โดย BAM อยากเลือกซื้อมากขึ้น แต่จะเน้นสินทรัพย์ที่มีคุณภาพเป็นหลัก จากงบลงทุนวางไว้ราว 8,800 ล้านบาท เพื่อให้เวลาถือครองสินทรัพย์จากเดิม 8 ปี เหลือการถือครองไม่เกิน 4 ปีครึ่ง เพื่อช่วยเพิ่มความสามารถในการสร้างผลตอบแทนให้กับบริษัทอย่างมั่นคงในอนาคตต่อไป
นอกจากนี้ ทาง BAM เตรียมเปิดตัวโครงการ "ทรัพย์มหาชน" สำหรับผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยราคาไม่แพง สามารถผ่อนชำระกับ BAM โดยตรง หรือผ่อนชำระกับสถาบันการเงินพันธมิตรที่ปล่อยสินเชื่อเงื่อนไขพิเศษให้กับลูกค้าที่ซื้อทรัพย์ BAM จะสามารถระบายสินค้าได้ประมาณหลัก 100 ยูนิต คาดว่าความชัดเจนในช่วงไตรมาส 4/2568
ข่าวบ้านมือสอง อื่นๆ