อสังหาฯแห่หั่นราคาคอนโด
วันที่ : 1 สิงหาคม 2568
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยบทวิเคราะห์ ดัชนีราคาห้องชุดใหม่ที่อยู่ระหว่างการขาย ไตรมาสที่ 2 ปี 68 ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล พบว่า มีค่าดัชนีเท่ากับ 159.1 จุด เพิ่มขึ้น 1.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน ปัจจัยหลักที่ผลักดันราคาห้องชุดให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจากต้นทุนการพัฒนาโครงการที่สูงขึ้น โดยเฉพาะต้นทุนก่อสร้าง ทั้งราคาวัสดุก่อสร้าง
ครึ่งปีหลังอสังหาวูบต่อเนื่อง
รายงานข่าวจาก ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยบทวิเคราะห์ ดัชนีราคาห้องชุดใหม่ที่อยู่ระหว่างการขาย ไตรมาสที่ 2 ปี 68 ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล พบว่า มีค่าดัชนีเท่ากับ 159.1 จุด เพิ่มขึ้น 1.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน ปัจจัยหลักที่ผลักดันราคาห้องชุดให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจากต้นทุนการพัฒนาโครงการที่สูงขึ้น โดยเฉพาะต้นทุนก่อสร้าง ทั้งราคาวัสดุก่อสร้าง เช่น เหล็กเส้นปูนซีเมนต์ กระจกอะลูมิเนียม และค่าแรงงานที่ทยอยเพิ่มขึ้นตามสภาพเศรษฐกิจและค่าครองชีพ รวมถึงราคาที่ดินในทำเลศักยภาพ ซึ่งยังคงขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการที่ตั้งอยู่ใกล้ระบบขนส่งมวลชน ศูนย์กลางธุรกิจ และพื้นที่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน ซึ่งล้วนเป็นทำเลที่ได้รับความนิยมจากทั้งผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงและนักลงทุน
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาการเปลี่ยนแปลงในระยะสั้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าพบว่า ราคาห้องชุดปรับตัวลดลง 0.8% เนื่องจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในบางพื้นที่ ซึ่งสร้างความกังวลต่อความปลอดภัยของ อาคารสูง ส่งผลให้ผู้บริโภคจำนวนหนึ่งชะลอการตัดสินใจซื้อเพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่นและเร่งการตัดสินใจซื้อ ผู้ประกอบการจึงเพิ่มมาตรการส่งเสริมการขาย โดยเฉพาะการให้ส่วนลดเงินสด ที่มีสัดส่วนสูงถึง 37.5% เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน นอกจากนี้ ยังมีการจัดแถมประกันภัยอาคารให้กับผู้ซื้อในโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย แต่คาดว่า การปรับลดราคาเป็นเพียงสถานการณ์ชั่วคราวในระยะสั้น ก่อนที่ตลาดจะปรับตัวกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่นส์ จำกัด บริษัทวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือ บมจ. แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลังแนวโน้มตลาดอสังหาฯในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลยังชะลอตัวต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัวและมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐ ทำให้โครงการใหม่ ๆ เปิดตัวลดลงทั้งมูลค่าและจำนวน เพื่อลดความเสี่ยงหากขายไม่ได้ตามแผน
"การที่เศรษฐกิจไทยมีอัตราการเติบโตต่ำ ทำให้รายได้และกำลังซื้อของประชากรลดลง บวกกับสถาบันการเงินยังคงเข้มงวดกับการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อทั้งสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ไปจนถึงสินเชื่ออุปโภคและบริโภค ส่งผลกระทบโดยตรงกับกำลังซื้อที่อยู่อาศัย ถึงแม้อัตราดอกเบี้ยภายในประเทศจะมีแนวโน้มลดลง และมีมาตรการผ่อนคลายมาตรการแอลทีวี รวมทั้งการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง มาอยู่ที่ 0.01% ก็ยังไม่สามารถที่จะกระตุ้นกำลังซื้อให้กลับคืนมาได้ เพราะผู้ซื้อส่วนใหญ่ยังกังวลรายได้ในอนาคต ทำให้ชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย ที่เป็นภาระหนี้ระยะยาวออกไปก่อน"
ทั้งนี้ ช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาพบว่า โครงการที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ทั้งหมด 104 โครงการ มูลค่ารวม 109,220 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปี 67 เปิดตัว 182 โครงการ มูลค่ารวม 201,517 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการอาคารชุดพักอาศัย 23 โครงการ จำนวน 22,956 ล้านบาท ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยของห้องชุดที่เปิดตัว อยู่ที่ 3.10 ล้านบาทต่อหน่วย ลดลง 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนบ้านพักอาศัยเปิดตัว 81 โครงการ มูลค่ารวม 86,264 ล้านบาท จากปี 67 เปิด 149 โครงการ มูลค่า 149,715 ล้านบาท
รายงานข่าวจาก ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยบทวิเคราะห์ ดัชนีราคาห้องชุดใหม่ที่อยู่ระหว่างการขาย ไตรมาสที่ 2 ปี 68 ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล พบว่า มีค่าดัชนีเท่ากับ 159.1 จุด เพิ่มขึ้น 1.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน ปัจจัยหลักที่ผลักดันราคาห้องชุดให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจากต้นทุนการพัฒนาโครงการที่สูงขึ้น โดยเฉพาะต้นทุนก่อสร้าง ทั้งราคาวัสดุก่อสร้าง เช่น เหล็กเส้นปูนซีเมนต์ กระจกอะลูมิเนียม และค่าแรงงานที่ทยอยเพิ่มขึ้นตามสภาพเศรษฐกิจและค่าครองชีพ รวมถึงราคาที่ดินในทำเลศักยภาพ ซึ่งยังคงขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการที่ตั้งอยู่ใกล้ระบบขนส่งมวลชน ศูนย์กลางธุรกิจ และพื้นที่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน ซึ่งล้วนเป็นทำเลที่ได้รับความนิยมจากทั้งผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงและนักลงทุน
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาการเปลี่ยนแปลงในระยะสั้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าพบว่า ราคาห้องชุดปรับตัวลดลง 0.8% เนื่องจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในบางพื้นที่ ซึ่งสร้างความกังวลต่อความปลอดภัยของ อาคารสูง ส่งผลให้ผู้บริโภคจำนวนหนึ่งชะลอการตัดสินใจซื้อเพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่นและเร่งการตัดสินใจซื้อ ผู้ประกอบการจึงเพิ่มมาตรการส่งเสริมการขาย โดยเฉพาะการให้ส่วนลดเงินสด ที่มีสัดส่วนสูงถึง 37.5% เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน นอกจากนี้ ยังมีการจัดแถมประกันภัยอาคารให้กับผู้ซื้อในโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย แต่คาดว่า การปรับลดราคาเป็นเพียงสถานการณ์ชั่วคราวในระยะสั้น ก่อนที่ตลาดจะปรับตัวกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่นส์ จำกัด บริษัทวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือ บมจ. แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลังแนวโน้มตลาดอสังหาฯในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลยังชะลอตัวต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัวและมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐ ทำให้โครงการใหม่ ๆ เปิดตัวลดลงทั้งมูลค่าและจำนวน เพื่อลดความเสี่ยงหากขายไม่ได้ตามแผน
"การที่เศรษฐกิจไทยมีอัตราการเติบโตต่ำ ทำให้รายได้และกำลังซื้อของประชากรลดลง บวกกับสถาบันการเงินยังคงเข้มงวดกับการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อทั้งสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ไปจนถึงสินเชื่ออุปโภคและบริโภค ส่งผลกระทบโดยตรงกับกำลังซื้อที่อยู่อาศัย ถึงแม้อัตราดอกเบี้ยภายในประเทศจะมีแนวโน้มลดลง และมีมาตรการผ่อนคลายมาตรการแอลทีวี รวมทั้งการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง มาอยู่ที่ 0.01% ก็ยังไม่สามารถที่จะกระตุ้นกำลังซื้อให้กลับคืนมาได้ เพราะผู้ซื้อส่วนใหญ่ยังกังวลรายได้ในอนาคต ทำให้ชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย ที่เป็นภาระหนี้ระยะยาวออกไปก่อน"
ทั้งนี้ ช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาพบว่า โครงการที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ทั้งหมด 104 โครงการ มูลค่ารวม 109,220 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปี 67 เปิดตัว 182 โครงการ มูลค่ารวม 201,517 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการอาคารชุดพักอาศัย 23 โครงการ จำนวน 22,956 ล้านบาท ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยของห้องชุดที่เปิดตัว อยู่ที่ 3.10 ล้านบาทต่อหน่วย ลดลง 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนบ้านพักอาศัยเปิดตัว 81 โครงการ มูลค่ารวม 86,264 ล้านบาท จากปี 67 เปิด 149 โครงการ มูลค่า 149,715 ล้านบาท
ข่าว reic จากสื่อสิ่งพิมพ์ อื่นๆ