YONG ดันรายได้รวมปีนี้พุ่ง 10% ตุนแบ็กล็อก 500 ล้าน ลั่นผลงานไตรมาส 2/68 โต
วันที่ : 26 มิถุนายน 2568
“ยงคอนกรีต” มั่นใจรายได้รวมปีนี้โต 10% อวดแบ็กล็อกกว่า 500 ล้านบาท ส่งซิกผลงานไตรมาส 2/68 โต หลังมุ่งรับงานโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ และรับงานโครงการภายในนิคมฯ มากขึ้น คาดครึ่งหลังเม็ดเงินลงทุนเพิ่มขึ้นหนุนเข้าไหลเข้า ดันสัดส่วนงานนิคมฯ พุ่ง 15-20% จากปีก่อนไม่ถึง 10%
นายสรรเพชญ ศลิษฏ์อรรถกร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยงคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ YONG เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจกิจ” ว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2568 บริษัทยังคงมีความเชื่อมั่นที่จะผลักดันรายได้รวมให้เติบโต 10% เมื่อเทียบกับปี 2567 ที่มีรายได้รวมประมาณ 1,000 ล้านบาท เนื่องจากมีงานในมือรอส่งมอบ (Backlog) มูลค่ารวม 500 กว่าล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตลอดปี
ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2568 มีโอกาสจะเติบโตกว่าช่วงไตรมาส 1/2568 ที่มีรายได้รวม 246 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 8 ล้านบาท และเติบโตจากช่วงเดียวกันของปี 2567 ที่มีรายได้รวม 234 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 14 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการมุ่งเน้นรับงานโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ และรับงานโครงการภายในนิคมอุตสาหกรรม ชดเชยงานโครงการภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ แม้ว่าจะมีมาตรการจากภาครัฐ และภาคเอกชนออกมากระตุ้น
ส่วนในช่วงที่เหลือของปี 2568 การลงทุนภายในนิคมอุตสาหกรรมจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเม็ดเงินจากทุนจีน เชื่อว่าจะช่วยสนับสนุนให้มีงานเข้ามาตัวอย่างต่อเนื่อง และคาดการณ์ว่าตลอดทั้งปี 2568 สัดส่วนงานโครงการภายในนิคมอุตสาหกรรมจะเพิ่มขึ้นมาเป็น 12-20% ของงานทั้งหมดของบริษัท เมื่อเทียบกับปี 2567 ที่มีสัดส่วนไม่ถึง 10%
ด้านภาคอสังหาริมทรัพย์ยังอ่อนแอต่อเนื่อง สอดคล้องกับภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังซบเซา และกำลังซื้อภายในประเทศที่ยังอ่อนแอ บวกกับภาคการท่องเที่ยวที่ชะลอตัว โดยเฉพาะชาวจีนที่ลดลงมากกว่า 60-70% จะกดดันการลงทุนอสังหาริมทรัพย์จากฝั่งต่างชาติลดลงด้วย
“ปัจจุบันเศรษฐกิจทั่วโลกยังผันผวน รวมถึงเศรษฐกิจของประเทศไทยด้วย และการเมืองที่ไม่แน่นอน ทำให้ความเชื่อมั่นด้านการลงทุนถดถอย ส่วนสถาบันการเงินยังมีการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ทำให้บรรยากาศการซื้อบ้านไม่ค่อยดีนัก ขณะที่ในส่วนภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ หากมีความชัดเจนขึ้น น่าจะช่วยให้ภาคการลงทุนกลับมาคึกคักอีกครั้ง และช่วยให้ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ของปี 2568 มีโอกาสฟื้นตัวได้ดี” นายสรรเพชญ กล่าว
ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2568 มีโอกาสจะเติบโตกว่าช่วงไตรมาส 1/2568 ที่มีรายได้รวม 246 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 8 ล้านบาท และเติบโตจากช่วงเดียวกันของปี 2567 ที่มีรายได้รวม 234 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 14 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการมุ่งเน้นรับงานโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ และรับงานโครงการภายในนิคมอุตสาหกรรม ชดเชยงานโครงการภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ แม้ว่าจะมีมาตรการจากภาครัฐ และภาคเอกชนออกมากระตุ้น
ส่วนในช่วงที่เหลือของปี 2568 การลงทุนภายในนิคมอุตสาหกรรมจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเม็ดเงินจากทุนจีน เชื่อว่าจะช่วยสนับสนุนให้มีงานเข้ามาตัวอย่างต่อเนื่อง และคาดการณ์ว่าตลอดทั้งปี 2568 สัดส่วนงานโครงการภายในนิคมอุตสาหกรรมจะเพิ่มขึ้นมาเป็น 12-20% ของงานทั้งหมดของบริษัท เมื่อเทียบกับปี 2567 ที่มีสัดส่วนไม่ถึง 10%
ด้านภาคอสังหาริมทรัพย์ยังอ่อนแอต่อเนื่อง สอดคล้องกับภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังซบเซา และกำลังซื้อภายในประเทศที่ยังอ่อนแอ บวกกับภาคการท่องเที่ยวที่ชะลอตัว โดยเฉพาะชาวจีนที่ลดลงมากกว่า 60-70% จะกดดันการลงทุนอสังหาริมทรัพย์จากฝั่งต่างชาติลดลงด้วย
“ปัจจุบันเศรษฐกิจทั่วโลกยังผันผวน รวมถึงเศรษฐกิจของประเทศไทยด้วย และการเมืองที่ไม่แน่นอน ทำให้ความเชื่อมั่นด้านการลงทุนถดถอย ส่วนสถาบันการเงินยังมีการเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ทำให้บรรยากาศการซื้อบ้านไม่ค่อยดีนัก ขณะที่ในส่วนภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ หากมีความชัดเจนขึ้น น่าจะช่วยให้ภาคการลงทุนกลับมาคึกคักอีกครั้ง และช่วยให้ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ของปี 2568 มีโอกาสฟื้นตัวได้ดี” นายสรรเพชญ กล่าว
ข่าววัสดุก่อสร้าง-เฟอร์นิเจอร์ อื่นๆ