REIC คาดตลาดอสังหาฯ ปีนี้ฟื้นตัว! ศก.โต-ดอกเบี้ยต่ำ-ผ่อนเกณฑ์ LTV
วันที่ : 31 มีนาคม 2568
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) พบว่า จำนวนอาคารชุดสะสมรอขายในกรุงเทพฯ อยู่ที่กว่า 6.5 หมื่นหน่วย มูลค่า 3.75 แสนล้านบาทประเมินตลาดที่อยู่อาศัยปี 68 ฟื้นตัว จากเศรษฐกิจที่จะคาดโต 2.2-3.2% รับแรงหนุนการใช้จ่ายภาครัฐ ลงทุนเอกชน และดอกเบี้ยต่ำ ขณะที่ ธอส. ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ปีนี้พุ่ง 2.4 แสนล้านบาท หลังภาคอสังหาฯ ฟื้น ผ่อนคลายมาตรการ LTV ฟรีค่าโอน-จดจำนอง และคุม NPL ไม่เกิน 5%
นางสาวสิทธิเพ็ญ สิทธัตถพงษ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ รักษาการผู้ช่วยผู้อำนวยการ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ฝ่ายบริหาร ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดเผยว่า ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ คาดภาพรวมสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2568 จะมีทิศทางการฟื้นตัวที่ดีขึ้น จากปัจจัยบวกด้านแนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2568 ที่คาดการณ์จะขยายตัว 2.2-3.2% โดยปัจจัยมาจากการใช้จ่ายภาครัฐที่เพิ่มขึ้น การลงทุนภาคเอกชนมีสัญญาณฟื้นตัว และอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ รวมถึงกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ชั่วคราว ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2568–30 มิถุนายน 2569 ในทุกระดับราคา จะสามารถช่วยกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ ในปี 2568 จะมีการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่สร้างสินค้า (อุปทาน) ใหม่เสนอขายในตลาดที่อยู่อาศัยรวม ทั้งบ้านจัดสรร และอาคารชุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล เพิ่มขึ้น 16.8% หรือประมาณ 73,291 หน่วย จากปี 2567 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 519,692 ล้านบาท โดยเป็นโครงการบ้านจัดสรร 37,800 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 348,564 ล้านบาท และเป็นโครงการอาคารชุด 35,491 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 171,128 ล้านบาท
ด้านความต้องการ (อุปสงค์) ในปี 2568 คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้น โดยมีทิศทางที่ดีขึ้นของหน่วยขายได้ใหม่ โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.6% หรือประมาณ 61,714 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 361,216 ล้านบาท เป็นโครงการบ้านจัดสรร 37,173 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 252,975 ล้านบาท และโครงการอาคารชุด 24,542 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 108,241 ล้านบาท
ขณะที่อัตราดูดซับในปี 2568 คาดการณ์ว่าจะยังไม่ฟื้นตัวมากนัก โดยภาพรวมคาดว่าอยู่ในอัตรา 1.8% เนื่องจากยังมีที่อยู่อาศัยคงค้างในตลาด ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5.3% หรือประมาณ 227,304 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 1,454,101 ล้านบาท เป็นโครงการบ้านจัดสรร 129,394 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 966,149 ล้านบาท และเป็นโครงการอาคารชุด 97,909 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 487,952 ล้านบาท
ด้าน นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ในปี 2568 ธอส. ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ไม่น้อยกว่า 240,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ปล่อยสินเชื่อได้ 236,000 ล้านบาท (เป็นการตั้งเป้าภายใต้สมมติฐานที่มีการผ่อนคลายเกณฑ์ LTV รวมถึงการขยายเวลาลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองแล้วด้วย) ซึ่งจะมีทั้งโครงการภายใต้นโยบายของรัฐที่ยังมีวงเงินคงค้าง โดยเฉพาะมาตรการซื้อ ซ่อม สร้าง ที่ยังมีวงเงินคงค้าง รวมถึงโครงการของธอส. เอง ที่ยังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในปี 2568 จะดูแลไม่ให้เกิน 5%
“สินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ให้กู้เงินเพื่อการลงทุนในโครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในปีนี้ ที่จะเน้นที่การใช้งานเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น พลังงานทดแทน เทคโนโลยีอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Loan) นั้น ธอส. ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อในกลุ่มนี้ประมาณ 13,000 ล้านบาท ด้านมาตรการคุณสู้ เราช่วย ที่เปิดให้ลูกค้าที่สนใจและเข้าเกณฑ์ลงทะเบียนตั้งแต่ กลางเดือน ธ.ค. และขยายถึงสิ้นเดือน เม.ย.นี้ มีลูกค้าติดต่อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเข้าร่วมโครงการกับธนาคาร ซึ่ง ณ 20 มี.ค. ที่ผ่านมา มีลูกค้าสนใจลงทะเบียน และเข้าหลักเกณฑ์แล้วอยู่ที่ 66,000 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นเกือบ 20% ของลูกค้าที่อยู่ในพอร์ตของธนาคาร” นายกมลภพ กล่าว
ทั้งนี้ ในปี 2568 จะมีการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่สร้างสินค้า (อุปทาน) ใหม่เสนอขายในตลาดที่อยู่อาศัยรวม ทั้งบ้านจัดสรร และอาคารชุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล เพิ่มขึ้น 16.8% หรือประมาณ 73,291 หน่วย จากปี 2567 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 519,692 ล้านบาท โดยเป็นโครงการบ้านจัดสรร 37,800 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 348,564 ล้านบาท และเป็นโครงการอาคารชุด 35,491 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 171,128 ล้านบาท
ด้านความต้องการ (อุปสงค์) ในปี 2568 คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้น โดยมีทิศทางที่ดีขึ้นของหน่วยขายได้ใหม่ โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.6% หรือประมาณ 61,714 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 361,216 ล้านบาท เป็นโครงการบ้านจัดสรร 37,173 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 252,975 ล้านบาท และโครงการอาคารชุด 24,542 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 108,241 ล้านบาท
ขณะที่อัตราดูดซับในปี 2568 คาดการณ์ว่าจะยังไม่ฟื้นตัวมากนัก โดยภาพรวมคาดว่าอยู่ในอัตรา 1.8% เนื่องจากยังมีที่อยู่อาศัยคงค้างในตลาด ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5.3% หรือประมาณ 227,304 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 1,454,101 ล้านบาท เป็นโครงการบ้านจัดสรร 129,394 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 966,149 ล้านบาท และเป็นโครงการอาคารชุด 97,909 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 487,952 ล้านบาท
ด้าน นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ในปี 2568 ธอส. ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ไม่น้อยกว่า 240,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ปล่อยสินเชื่อได้ 236,000 ล้านบาท (เป็นการตั้งเป้าภายใต้สมมติฐานที่มีการผ่อนคลายเกณฑ์ LTV รวมถึงการขยายเวลาลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองแล้วด้วย) ซึ่งจะมีทั้งโครงการภายใต้นโยบายของรัฐที่ยังมีวงเงินคงค้าง โดยเฉพาะมาตรการซื้อ ซ่อม สร้าง ที่ยังมีวงเงินคงค้าง รวมถึงโครงการของธอส. เอง ที่ยังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในปี 2568 จะดูแลไม่ให้เกิน 5%
“สินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ให้กู้เงินเพื่อการลงทุนในโครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในปีนี้ ที่จะเน้นที่การใช้งานเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น พลังงานทดแทน เทคโนโลยีอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Loan) นั้น ธอส. ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อในกลุ่มนี้ประมาณ 13,000 ล้านบาท ด้านมาตรการคุณสู้ เราช่วย ที่เปิดให้ลูกค้าที่สนใจและเข้าเกณฑ์ลงทะเบียนตั้งแต่ กลางเดือน ธ.ค. และขยายถึงสิ้นเดือน เม.ย.นี้ มีลูกค้าติดต่อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเข้าร่วมโครงการกับธนาคาร ซึ่ง ณ 20 มี.ค. ที่ผ่านมา มีลูกค้าสนใจลงทะเบียน และเข้าหลักเกณฑ์แล้วอยู่ที่ 66,000 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นเกือบ 20% ของลูกค้าที่อยู่ในพอร์ตของธนาคาร” นายกมลภพ กล่าว
ข่าว reic จากสื่อสิ่งพิมพ์ อื่นๆ