นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CI กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2568 ว่า โดยรวมกำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัว ส่งผลให้ ที่อยู่อาศัยในทุกระดับราคามีอัตราการขายที่ช้าลง เนื่องจากซัปพลายสินค้าในตลาดมีอยู่เป็นจำนวนมาก ขณะที่ตลาดภูเก็ตเพียงจังหวัดเดียวที่เติบโตสวนกระแส มีกำลังซื้อที่ดีอยู่ และดีมานด์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งชาญอิสสระในปีนี้จะเน้นเรื่อง การบริหารหนี้และเร่งยอดขาย โดยการนำทรัพย์สินที่มีมาพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เน้นทำเลที่มีบริษัทมีความเชี่ยวชาญ ไม่ว่าจะเป็นในพื้นที่กรุงเทพฯ ชะอำ และ ภูเก็ต

    "มองอสังหาฯในหัวหิน โดยรวมแม้ยังไม่ฟื้นตัวมากนัก เพราะตลาดหลักจะเป็นกลุ่มลูกค้าคนไทย แต่ก็มีลูกค้าต่างชาติ ที่เข้ามาเสริมตลาด เช่น ชาวรัสเซีย แต่สัดส่วนยังไม่สูง ซึ่งบริษัทยังมีที่ดินในบริเวณโครงการทิวทะเลประมาณ 40 ไร่ ยังไม่เร่งรัดการพัฒนา เพราะต้องรอจังหวัดของตลาดฟื้นตัว"

     นางธีราภรณ์ ศรีเจริญวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2568 บริษัทยังคงดำเนินธุรกิจโดยยึดหลักปรัชญา สัจจะเป็นหลัก สามัคคีเป็นเลิศ สุขภาพยิ่งใหญ่ ซึ่งถือเป็นปรัชญาของกลุ่มชาญอิสสระ ที่ถ่ายทอดมาอย่างยาวนานจากรุ่นสู่รุ่น ที่มุ่งสร้างความสุขให้กับพนักงาน ลูกค้า คู่ค้า พันธมิตร ได้รับสิ่งที่ดี มีคุณภาพ มีความสุขในการอยู่อาศัย ตลอดจนมีความสุขในการได้ร่วมงานกับกลุ่มชาญอิสสระ

    "เรามี DNA 3 อย่างที่สำคัญ ที่สะท้อนความเป็นชาญอิสสระอย่างชัดเจน ได้แก่ Trusty ความน่าเชื่อถือ มีความซื่อสัตย์ ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า คู่ค้า มาตลอดระยะเวลา 70 ปี Synergy ความร่วมมือร่วมใจ มุ่งมั่นในการทำงาน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและผลลัพธ์ ที่ดี มีคุณภาพด้วยการทำงานเป็นทีมทั้งภายในกับภายนอกองค์กร และ Creativity ที่เราภูมิใจในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบที่แตกต่าง เพื่อให้มีที่อยู่อาศัย โรงแรม ที่มีเอกลักษณ์" นางธีราภรณ์ กล่าว

    ด้าน นายดิฐวัฒน์ อิสสระ กรรมการและผู้ช่วยกรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2568 กลุ่มชาญอิสสระ เตรียมเปิดโครงการใหม่มูลค่ารวมกว่า 16,000 ล้านบาท เป็นลักชัวรีคอมมูนิตี้ ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เริ่มจากบริเวณพระราม 9-กรุงเทพกรีฑา มี 2 โครงการ คือ โครงการ อิสสระ เรสซิเดนท์ บนที่ดิน 19 ไร่ จำนวน 23 ยูนิต ราคา 90-140 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 2,513 ล้านบาท และโครงการ บ้านอิสสระ บนที่ดิน 21 ไร่ จำนวน 67 ยูนิต ราคา 25-60 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวม 5,123 ล้านบาท

    โครงการมิกซ์ยูส บนเกาะภูเก็ต "ศรีพันวา ลากูน" บนที่ดิน 62 ไร่ มูลค่าโครงการ 8,000 ล้านบาท ที่มีทั้งโรงแรมหรู วิลล่า และคอมมูนิตี้ ย่านเชิงทะเล, The Sky Series เวิลด์คลาสลักชัวรีวิลล่า บนที่ดินกว่า 2 ไร่ จำนวน 4 หลัง ราคา 200-250 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท, โครงการ อิสสระ วิลล์ หัวหิน ลักชัวรี่พูลวิลล่า หัวหิน บนที่ดิน 4 ไร่ ราคา 19.90-21.90 ล้านบาท จำนวน 8 ยูนิต มูลค่าโครงการ 144 ล้านบาท รวมถึงโครงการ ซาซ่าส์ หัวหิน บนที่ดิน 3 ไร่ จำนวน 248 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,706 ล้านบาท ที่ได้ทั้งวิวทะเล และวิวสนามกอล์ฟแบบเต็มๆ

    สำหรับธุรกิจโรงแรมมุ่งหน้าขยายสู่ Wellness ระดับ World Class โดยความร่วมมือกับ BDMS เพื่อให้ศรีพันวาเป็นที่พักผ่อน ผสมผสานไปกับการดูแลสุขภาพกาย และใจ โดยเร็วๆ นี้โรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ BDMS Wellness Clinic นอกจากนี้ ยังเตรียมพัฒนาโปรดักส์ใหม่ในกลุ่มของธุรกิจดูแลสุขภาพผิว ภายใต้แบรนด์ BABA SKIN CLUB ด้วยแนวคิด Skin Vacation นวัตกรรมใหม่เพื่อให้ผิวได้รับการบำรุง คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2568 โดยมี นางสาวกรัชเพชร อิสสระ รับตำแหน่งเป็นแบรนด์ ไดเรกเตอร์ของผลิตภัณฑ์ BABA SKIN CLUB

    "BABA SKIN CLUB เป็นไลน์ธุรกิจใหม่ โดยจะนำร่องเป็นผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดเป็นชุดแรก ที่คำนึงถึงกลุ่มลูกค้าทุกเพศ ทุกวัย ให้สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ได้จบครบในหลอดเดียว ทั้งปกป้อง ดูแล ฟื้นฟู ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม" นายดิฐวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย