นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการแผนกวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย ระบุว่า แนวโน้มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ มีการปรับเปลี่ยนแผนลงทุนโดยลดการพัฒนาโครงการใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ลง หันไปเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในเมืองท่องเที่ยว โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ยังคงเป็นทำเลที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวชาวไทยและนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากรัสเซีย ออสเตรเลีย อินเดีย และจีน

   ในปี 2567 ภูเก็ตมีจำนวนนักท่องเที่ยวสูงถึง 14 ล้านคน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวกว่า 400,000 ล้านบาท ส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวในพื้นที่คึกคักมากขึ้น สะท้อนให้เห็นแนวโน้มการเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยมีการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมและบ้านพักตากอากาศมากที่สุดในรอบ 15 ปีที่ผ่านมา ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมมากกว่า 158,638 ล้านบาท

   สำหรับการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมในภูเก็ตในปี 2567 มีจำนวนมากถึง 14,718 ยูนิต จาก 54 โครงการ ทำเลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ บางเทา เชิงทะเล และกะตะ ซึ่งเป็นทำเลหลักที่นักลงทุนมองว่าเป็นทำเลทองในช่วงเวลานี้ คาดการณ์ว่าในปี 2568 การเปิดตัวคอนโดมิเนียมในภูเก็ตจะลดลงเล็กน้อยจากปีที่ผ่านมา แต่ยังคงอยู่ในระดับสูง 8,000-10,000 ยูนิต

    “แม้ว่าตลาดจะยังคงร้อนแรง แต่ก็พบว่ามีความเสี่ยงจากอุปทานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจทำให้การแข่งขันในตลาดสูงขึ้น การที่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ เพิ่มการลงทุนในภูเก็ตนั้น แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของภูเก็ตในระยะยาว”

    บ้านพักตากอากาศขุมทรัพย์นักลงทุน

    อีกหนึ่งตลาดที่ได้รับความสนใจไม่แพ้กัน คือ บ้านพักตากอากาศในภูเก็ต โดยเฉพาะพื้นที่ใกล้ชายหาดและเขตที่เงียบสงบ การพัฒนาบ้านพักตากอากาศในภูเก็ตมีมูลค่าการลงทุนรวมถึง 53,351 ล้านบาท ในปี 2567 และคาดการณ์ว่าจะยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติในปี 2568 ซึ่งกำลังซื้อหลักยังคงมาจากชาวรัสเซียเป็นหลัก

    สำหรับแนวโน้มในอนาคต ตลาดบ้านพักตากอากาศในภูเก็ตจะเน้นการพัฒนาในระดับราคาที่เหมาะสมกับกลุ่มผู้ซื้อทั้งไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะในช่วงราคา 30-50 ล้านบาท

    “โครงการบ้านพักตากอากาศในพื้นที่ที่ห่างจากชายหาดจะมีราคาที่ดีกว่า และได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่มองหาบรรยากาศสงบและพื้นที่ที่ไม่คับคั่ง”

     “คอนโดพัทยา” คึกคักหลังโควิด

     ขณะที่ตลาดพัทยา เป็นอีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กลับมาคึกคักในปี 2567 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียม ในพื้นที่จอมเทียนและวงศ์อมาตย์

     ทั้งนี้ ปีที่ผ่านมามีการเปิดโครงการใหม่ถึง 13 โครงการ รวม 7,897 ยูนิต มูลค่าการลงทุนรวม 36,060 ล้านบาท ถือเป็นการกลับมาของตลาดคอนโดมิเนียมในพัทยาหลังจากวิกฤติโควิด-19

     หัวหิน ชะอำ “คอนโด” ยังมีโอกาส

    อย่างไรก็ดี แม้จะมีการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมในหัวหิน ชะอำ และปราณบุรีไม่มากนักในปี 2567 แต่ทำเลนี้ยังคงได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ซื้อชาวไทย โดยเฉพาะผู้ที่มาจากกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง คาดการณ์ว่าในปี 2568 ตลาดคอนโดมิเนียมในหัวหิน ชะอำ และปราณบุรีจะยังคงได้รับความสนใจจากนักพัฒนาและนักลงทุน

    รวมถึงมีโอกาสเห็นโครงการคอนโดมิเนียมแบบ Leasehold เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากนี้ เนื่องจากที่ดินติดชายหาดในพื้นที่นี้หายากขึ้นและราคาปรับสูงขึ้นอีกด้วย