นายวัฒนพล ผลชีวิน นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ชลบุรีและกรรมการผู้จัดการบริษัท มณีรินทร์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยในพื้นที่ชลบุรีในช่วงไตรมาสแรกปี 2568 ยอดขายยังติดลบ แต่ถ้าเทียบไตรมาส 4 ปี 2567 ดูดีขึ้นเติบโต 20% สำหรับไตรมาส 2 ต้องรอดูผลเจรจาภาษีทรัมป์ว่ารัฐบาลจะสามารถเจรจาลดผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยได้แค่ไหน ซึ่งพื้นที่อีอีซีรวมทั้งชลบุรีโดย 80-90% เป็นแหล่งการผลิตและแหล่งอยู่อาศัยของชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงาน ถ้าหากการส่งออกไม่ดี จะกระทบต่อโรงงาน คนทำงานในนิคมอุตสาหกรรมและมีผลมาถึงการซื้อที่อยู่อาศัยด้วย อย่างไรก็ตามแม้ว่ารัฐบาลจะมีมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและค่าจดจำนอง 0.01% สำหรับที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท และผ่อนเกณฑ์ มาตรการ LTV ให้ชั่วคราวถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2569 แต่ด้วยสถานการณ์ในขณะนี้ ยังไม่มีปัจจัยบวก คงจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อได้ในระดับหนึ่ง เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมามีลูกค้าบางส่วนที่ชะลอการโอน เพื่อรอมาตรการดังกล่าว ทั้งนี้ มองว่าถ้ามีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาอีก น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้ เพราะสามารถลดภาระของผู้ซื้อและ ผู้พัฒนาโครงการได้จริง

    นายวัฒนพลกล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ชลบุรี ปรับแผนการพัฒนาโครงการใหม่ในส่วนของแนวราบ จากเดิมเป็นพัฒนาเพื่อขาย เป็นเพื่อการเช่าแทน โดยรูปแบบเป็นทาวน์เฮาส์ชั้นเดียวจำนวนประมาณ 2,000-3,000 ยูนิต ในทำเลย่านพานทองและนิคมอุตสาหกรรมอมตะ โดยทำเป็นบ้านเช่าทั้งโครงการ คิดค่าเช่า 4,500 บาทต่อเดือน ซึ่งผลตอบรับค่อนข้างดี เนื่องจากใกล้แหล่งงานและปัจจุบันด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจยังไม่ค่อยดี คนยังไม่อยากเป็นหนี้ระยะยาว จึงนิยมการเช่ามากกว่าซื้อ ต่อไปในอนาคตถ้าลูกค้าที่เช่าอยู่มีกำลังซื้อ ก็สามารถนำมารีโนเวต กลับมาขายได้

    "ชลบุรีมีตลาดบ้านเช่าเยอะ เพราะ เป็นแหล่งงาน ค่าเช่าอยู่ที่ 2,000-4,000 บาท แต่เป็นชาวบ้านที่ทำกันเอง มีเป็น 1,000 ยูนิต เช่น ย่านบ่อวิน แต่รูปแบบต่างกับ ผู้ประกอบการอสังหาฯ ที่ทำเป็นโครงการบ้านจัดสรร ดีไซน์สวย ทำให้คนมาเช่ากันเยอะ ผมเองก็ยังสนใจจะทำโครงการบ้านเช่าในบางแสนและศรีราชา" นาย วัฒนพลกล่าว