นายสรรเพชญ ศลิษฏ์อรรถกร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยงคอนกรีต จำกัด (มหาชน) หรือ YONG ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปและคอนกรีตผสมเสร็จ พร้อมให้บริการติดตั้งโครงสร้างสำเร็จรูป เปิดเผยกับ "ทันหุ้น" ว่า ได้เดินหน้าขยายกำลังผลิตเพื่อสนับสนุนโครงการใหม่ รับโอกาสเติบโตในเขต EEC ซึ่งบริษัทเล็งเห็นถึงโอกาสในการเพิ่มยอดขายจากลูกค้าในพื้นที่เป้าหมายใหม่ บริเวณเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) จึงมีแผนลงทุนก่อสร้างโรงงานสาขาระยอง 2 โครงการ
    
    ลุยประมูลงานต่อ

    ทั้งนี้เพื่อรองรับการเติบโตของยอดขายให้เป็นไปตามแผนธุรกิจ ได้แก่ โรงงานคอนกรีตผสมเสร็จสาขาระยอง บ้านค่าย ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับนิคมอุตสาหกรรม ปัจจุบันโครงการก่อสร้างได้เสร็จแล้ว คาดการณ์รับรู้รายได้ในไตรมาส 1/2568 ซึ่งในส่วนนี้จะสามารถมาชดเชยในส่วนของรายได้ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ได้ และโรงงานผลิตภัณฑ์คอนกรีตสาขาระยอง มาบข่า จะเริ่มก่อสร้างในไตรมาส 1/2568 คาดการณ์เริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ต้นปี 2569

    โดยบริษัทกำลังมองหาที่ตั้งเพิ่มเติมในพื้นที่นี้เพื่อขยายธุรกิจ นอกจากนี้บริษัทยังเดินหน้าประมูลโครงการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)

    ปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากโครงการภาครัฐคิดเป็นเพียง 10-20% ของรายได้รวม ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการขายคอนกรีตให้กับผู้รับเหมารายใหญ่ แม้สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่บริษัทยังคงตั้งเป้าหมายการเติบโตของบริษัทไว้ที่ 12% ในปี 2568 นี้ โดยยอมรับว่าเป็นเป้าหมายที่ท้าทาย ซึ่งโดยปกติถ้าสถานการณ์เศรษฐกิจดี บริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 15%

    นายสรรเพชญ กล่าวต่อว่า การผ่อนคลายการเข้าถึงสินเชื่อ จะเป็นกุญแจสำคัญในการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการปรับค่าแรงขั้นต่ำที่อาจช่วยเพิ่มกำลังซื้อ แม้ต้องระวังผลกระทบด้านเงินเฟ้อ นอกจากนี้การเปิดใช้งานมอเตอร์เวย์สายบางใหญ่-กาญจนบุรี (M81) ที่เชื่อมกรุงเทพฯ กับกาญจนบุรีในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง รวมถึงโครงการก่อสร้างสะพานขนาดใหญ่ในพื้นที่จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจในจังหวัด

    "เราเชื่อมั่นในอนาคตของบริษัท และเศรษฐกิจไทย โดยเน้นการเติบโตในพื้นที่ยุทธศาสตร์อย่าง EEC และการทำงานร่วมกับภาครัฐ ปัจจุบันบริษัทปรับกลยุทธ์หันมาเจาะตลาดใหม่ในกลุ่มอุตสาหกรรมโรงงาน ซึ่งในเขต EEC มีโครงการทั้งหมด 455 แห่ง มีมูลค่าลงทุน 1.9 แสนล้านบาท" นายสรรเพชญ กล่าว

    สำหรับผลการดำเนินงานปี 2567 ที่ผ่านมา ช่วงครึ่งปีแรกมีการเติบโตในเชิงบวก แต่ไตรมาสที่ 3 และ 4 ต้องเผชิญความท้าทายจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัว

    โดยบริษัทมองว่าปัญหาหนี้สินครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการเข้าถึง สินเชื่อจากธนาคารที่ยากขึ้น ส่งผลให้ยอดขายของบริษัทลดลงประมาณ 6-7% แต่เพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว บริษัทได้เซ็นสัญญาโครงการใหม่ 2 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 450 ล้านบาท สัญญา 2-3 ปี จำนวน 2 โครงการ เพิ่งเซ็นสัญญาเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2567 ที่ผ่านมา ได้แก่ โครงการที่ 1 ก่อสร้างอุโมงค์ทางลอดถนนแยกในจังหวัดกาญจนบุรี คาดว่าจะดำเนินงานไปจนถึงปี 2569

    สำหรับโครงการที่ 2 การสะพาน เป็นงานทำสะพาน ซึ่งระยะทางระหว่าง 2 โครงการนี้ห่างกันไม่มาก ประมาณ 7-8 กิโลเมตร โดยโครงการนี้จะช่วยเสริมสร้าง รายได้ให้กับบริษัทในระยะยาว ทางบริษัทเร่งสร้างแคมป์คอนกรีต เพื่อรองรับงานทั้ง 2 โครงการนี้ โดยที่บริษัทมีแคมป์คอนกรีตเดิมที่อยู่ใกล้กับหน้างาน

    และอีกตัวหนึ่งจะสร้าง On Site ที่อยู่ในงานเพื่อที่จะลดต้นทุนในการขนส่ง โดยถือว่างาน 2 โครงการนี้เป็นงานใหญ่ทั้งคู่ นอกจากนี้ยังมีงานรับรู้รายได้ต่อเนื่อง ซึ่งมี Backlog ที่รวมงานโครงการใหญ่ด้วยทั้งหมดที่ 800-900 ล้านบาท จะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 1/2568