อสังหาฯไทยลุ้น 'จีน' หวนลงทุน ปลุกตลาดปี 68 รีบาวด์
Loading

อสังหาฯไทยลุ้น 'จีน' หวนลงทุน ปลุกตลาดปี 68 รีบาวด์

วันที่ : 14 มกราคม 2568
คุชแมน แอนด์ เวคฟิลด์ ระบุว่า "การเข้ามาของชาวจีนในไทยมีทั้งการลงทุน ขยายกิจการรวมทั้งการศึกษา ทำให้อสังหาฯปี 2568 เติบโต โดยเฉพาะคอนโดบ้านระดับกลาง จนถึงลักชัวรีได้รับความสนใจจากคนจีนที่มองหาช่องทางลงทุนและใช้ชีวิต"
   บุษกร ภู่แส
 
   กรุงเทพธุรกิจ
 
   การฟื้นตัวของดีมานด์จากนักลงทุนจีนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยยังคงเป็นประเด็นที่ต้องจับตา! แม้ว่าปัจจุบันการซื้อ อสังหาริมทรัพย์ของคนจีนยังไม่กลับมา 100% หรือโดดเด่นเหมือนช่วงก่อนโควิด-19 แต่ข้อมูลล่าสุดไตรมาส 3 ปี 2567 พบว่า คนจีนยังคงครองอันดับหนึ่งในการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดในประเทศไทย โดยมียอดโอนถึง 4,386 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 20,201 ล้านบาท ขณะที่เมียนมา ไต้หวัน และรัสเซีย แม้เป็นตลาดมาแรง แต่ยังคงมีสัดส่วนที่น้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด

   สุรเชษฐ กองชีพ หัวหน้าฝ่ายวิจัยของคุชแมน แอนด์ เวคฟิลด์ ประเทศไทย ประเมินว่า ภาพรวมเศรษฐกิจจีนยังคง ไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แม้จะดีขึ้นจากช่วงวิกฤติ โควิด-19 แต่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในจีนยังคงเผชิญกับปัญหาหลายด้าน ทั้งจากภาคธุรกิจและผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากความล่าช้าของโครงการก่อสร้าง ทำให้คนจีนต้องเผชิญกับปัญหาความไม่พร้อมของที่อยู่อาศัย หรือไม่สามารถขอเงินกู้จากสถาบันการเงินได้ตามปกติ

    ถึงแม้ว่าอสังหาริมทรัพย์ในจีนจะเผชิญปัญหาอย่างต่อเนื่อง แต่กลุ่มคนจีนที่เคยลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างผลตอบแทนจากการเช่าหรือ ขายต่อ ยังคงมองหา "โอกาส" และช่องทาง การลงทุนใหม่ๆ โดยเฉพาะในต่างประเทศ แม้ว่าเศรษฐกิจจีนจะไม่เติบโตเร็ว เหมือนอดีต หลายคนยังคงเลือกลงทุนและทำธุรกิจในต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มเศรษฐี หรือ ผู้ที่มีทรัพย์สินมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ ที่มีแนวโน้มจะออกจากจีนเพื่อหาช่องทางลงทุนใหม่ๆ หรือขยายธุรกิจในต่างประเทศ

   "คนจีนในเมืองใหญ่ กว่า 40% นิยมลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เพราะที่ผ่านมาสร้างผลตอบแทนจากการเช่า หรือขายต่อได้สูงมาก แต่ปัจจุบันเมื่อ ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีปัญหาคนจีน กลุ่มนี้จึงมีปัญหาไปด้วย ตลาดที่มีปัญหา มีผลให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ใหม่ ในประเทศจีนลดลงต่อเนื่องโดยลดลงต่ำสุดในรอบ 9 ปีที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่มีปัญหาในการลงทุน หรือไม่ใช่ ทุกคนที่มีปัญหาแล้วจะหยุดมองหาโอกาสในการลงทุน"

    ผลสำรวจของ Henley & Partners คาดการณ์ว่าในปี 2567 มีคนกลุ่มนี้ประมาณ 15,200 คนออกจากจีน เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยประเทศที่เป็นเป้าหมายหลัก ได้แก่ แคนาดา สหรัฐ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป

    สำหรับในประเทศไทย ระบบการศึกษาของโรงเรียนนานาชาติที่มีหลักสูตรสากล ดึงดูดคนจีนที่ต้องการให้บุตรหลานได้เรียนในหลักสูตรตะวันตก ส่งผลให้ผู้ปกครอง เลือกส่งลูกมาเรียนในไทย ซึ่งยังคงมีค่าใช้จ่าย ที่ต่ำกว่าหลายประเทศในเอเชีย และการเดินทางจากจีนมายังไทยก็สะดวก

     อย่างไรก็ตาม การมาของคนจีนในประเทศไทยไม่ได้หยุดแค่การศึกษาของบุตรหลานเท่านั้น แต่ยังเป็น "โอกาส" ในการขยายธุรกิจ หรือการลงทุนเพิ่มเติม ในไทยจากกลุ่มคน HNW (High Net-Worth Individuals) จำนวนไม่น้อยตัดสินใจลงทุน กิจการในไทยหรือขอใบอนุญาตทำงานในประเทศ

    สะท้อนได้จากการสำรวจของ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) พบว่าการลงทุนจากจีนในไทยใน 9 เดือนแรก ของปี 2567 มีมูลค่าถึง 146,356 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อน นอกจากนี้ จำนวนบริษัทที่มีผู้ถือหุ้นเป็นคนจีนในไทยก็ เพิ่มขึ้นถึง 9.82%

    สุรเชษฐ ระบุว่า แม้ว่าปัจจัย เศรษฐกิจจีนอาจได้รับผลกระทบจากนโยบายของสหรัฐ แต่ผลกระทบดังกล่าวไม่น่าจะมากนัก เนื่องจากธุรกิจจีนได้มีการปรับตัวล่วงหน้าแล้ว ดังนั้น แนวโน้มการลงทุนของคนจีนในประเทศไทยในปี 2568 จึงยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านแนวราบ โดยเฉพาะทำเลที่ใกล้โรงเรียนนานาชาติ เช่น กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ พระราม 9 พัฒนาการ และบางนา-ตราด เป็นทำเลที่ได้รับความนิยมสูงจากกลุ่มลูกค้าคนจีน

     "การเข้ามาของนักลงทุนจีนในไทยมีหลากหลายด้าน ทั้งการลงทุนในธุรกิจ การขยายกิจการ รวมไปถึงการศึกษา จะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยมีการเติบโตในปี 2568 โดยเฉพาะกลุ่มคอนโดมิเนียมและบ้านระดับกลาง ถึงลักชัวรีได้รับความสนใจจากคนจีนที่มองหาช่องทางการลงทุนและใช้ชีวิตในประเทศไทย"
 
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ