โรงแรม 'ศรีราชา' โตยกแผง! บิ๊กเนมชิงเค้กรับ 'ลงทุน-ท่องเที่ยว' บูม
Loading

โรงแรม 'ศรีราชา' โตยกแผง! บิ๊กเนมชิงเค้กรับ 'ลงทุน-ท่องเที่ยว' บูม

วันที่ : 5 พฤศจิกายน 2567
สมาคมการท่องเที่ยวและบริการ ศรีราชา เกาะสีชัง ระบุว่า การเดินทางของนักลงทุนและนักธุรกิจชาวต่างชาติ จะเข้ามาพลิกโฉมภาพการลงทุนและการท่องเที่ยวในศรีราชา เปลี่ยนเป็นคล้ายๆ ฮ่องกงหรือสิงคโปร์ ที่ไม่ได้มีแค่นักท่องเที่ยวทั่วไปเท่านั้น
   พรไพลิน จุลพันธ์

   กรุงเทพธุรกิจ

   "การเดินทางของนักลงทุนและนักธุรกิจชาวต่างชาติจะเข้ามาพลิกโฉมภาพการลงทุนและการท่องเที่ยวในศรีราชา เปลี่ยนเป็นคล้ายๆ ฮ่องกงหรือสิงคโปร์ ที่ไม่ได้มีแค่นักท่องเที่ยวทั่วไปเท่านั้น"

   แนวโน้มการลงทุน "ธุรกิจโรงแรม" ในพื้นที่ "ศรีราชา" ช่วง 3-5 ปีนับจากนี้ "สมาคมการท่องเที่ยวและบริการ ศรีราชา เกาะสีชัง" คาดการณ์ว่าจะมี "โรงแรมเกิดใหม่" เข้ามาเติมตลาดต่อเนื่อง รองรับกระแสการเดินทางของนักลงทุนชาวต่างชาติซึ่งนิยมเข้าพักทั้งแบบระยะสั้นและระยะยาว เรียกว่า "โตยกแผง" ทุกโลเกชัน! โดยเฉพาะโซนไข่แดงติดชายทะเล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนชาวญี่ปุ่นเข้าพัก ส่วนนักลงทุนชาวจีนจะนิยมพักแถบบ่อวิน โอบล้อมโซนไข่แดงอีกที

   ทพญ.ณัฏฐ์ศรัย ชัยจินดารัตน์ เจ้าของโรงแรม เซ็นทารา ซันไรซ่า ศรีราชา และนายกสมาคมการท่องเที่ยวและบริการ ศรีราชา เกาะสีชัง ฉายภาพว่า ช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีเชนรับบริหารโรงแรมเข้ามาเปิดโรงแรมและ เรสซิเดนส์มากขึ้น อาทิ แบรนด์โรงแรม โนโวเทล, ฮอลิเดย์ อินน์, เซ็นทารา และโอ๊ควูด ต่างจากเมื่อ 10 ปีก่อนที่ยังไม่มีแบรนด์โรงแรมจากเชนดัง หนุนภาพรวมตลาดโรงแรมในศรีราชาปี 2567 เติบโตเกือบเท่าตัว มีจำนวนห้องพักรวม 9,000 ห้อง เพิ่มขึ้นจาก 5,000 ห้องเมื่อ ปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาด และเมื่อดูเฉพาะโซนไข่แดงใจกลางศรีราชา ปัจจุบันมีจำนวนห้องพัก 6,000 ห้อง จากโรงแรม 50-60 แห่ง ส่วนรอบนอกมีจำนวน 2,000-3,000 ห้อง จากโรงแรม 20-30 แห่ง

   ล่าสุด ทราบมาว่าเหล่า "บิ๊กเนม" ของวงการอสังหาริมทรัพย์ อาทิ "ตัน ภาสกรนที" เจ้าพ่อชาเขียวเมืองไทย ก็เข้ามาปักหมุดแล้ว อยู่ระหว่างดำเนินการพัฒนาโรงแรมใหม่ และจะเปิดพิพิธภัณฑ์ควบด้วยหลังเปิดให้บริการโรงแรม ด้าน "สิงห์เอสเตท" ก็มีแผนเปิดโรงแรม ที่ศรีราชาเช่นกัน

    "การเดินทางของนักลงทุนและนักธุรกิจชาวต่างชาติ จะเข้ามาพลิกโฉมภาพการลงทุนและการท่องเที่ยวในศรีราชา เปลี่ยนเป็นคล้ายๆ ฮ่องกงหรือสิงคโปร์ ที่ไม่ได้มีแค่นักท่องเที่ยวทั่วไปเท่านั้น หากโครงการสนามบิน อู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก รวมถึงโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) สามารถเดินหน้าต่อไปได้เร็ว จะยิ่งช่วยบูมเศรษฐกิจศรีราชาเติบโตมากยิ่งขึ้น ซึ่งมี จุดแข็งจากความหลากหลายของแหล่ง ท่องเที่ยวทั้งภูเขาและชายทะเล"

     โดยตลอดปี 2567 สมาคมฯ คาดว่า "อัตราเข้าพัก" เฉลี่ยในศรีราชาจะอยู่ที่ไม่น้อยกว่า 60% และสร้างแรงส่งที่ดีถึงปี 2568 ให้มีอัตราเข้าพักเฉลี่ยมากกว่า 60% สูงกว่าปี 2562 เล็กน้อย ได้กระแสเดินทางจากกลุ่มนักธุรกิจและกลุ่มไมซ์ (MICE: การประชุม เดินทางเพื่อเป็นรางวัล สัมมนา และแสดงสินค้า) เข้ามาดูงานในพื้นที่หลังโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ "อีอีซี" เริ่มคืบหน้าเป็นรูปเป็นร่าง และยังได้กระแสนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวกับกลุ่มท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ที่นิยมมาเข้าพักทำสปาอีกด้วย

    หลังแนวโน้ม "ไฮซีซัน" ปลายปีนี้ คาดศรีราชา มีอัตราเข้าพัก 70% ได้ปัจจัยสนับสนุนจากกระแส "หมูเด้ง" ลูกฮิปโปแคระ ดาวดวงใหม่ ของสวนสัตว์เขาเขียวที่กำลังเป็นไวรัลสุดน่ารัก นอกจากนี้ศรีราชายังเป็นพื้นที่ที่ไม่ได้รับ ผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมอีกด้วย

    มรกต กุลดิลก นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก เล่าถึงภาพรวมตลาดโรงแรมใน "พัทยา" ว่า ช่วงไฮซีซัน 2 เดือนสุดท้ายปีนี้ (พ.ย.-ธ.ค.) คาดมีอัตราเข้าพักมากกว่า 80% โดยเฉพาะช่วง "งานพลุพัทยา" ตั้งแต่วันที่ 29-30 พ.ย. บริเวณหาดพัทยา ที่น่าจะพุ่งสูงมาก ปัจจุบันพบว่ายอดจองโรงแรมที่สามารถชมพลุได้จากห้องพักเริ่มเต็มแล้ว ส่วนภาพรวมเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา คาดอยู่ที่ 70% ทั้งนี้ประเมินว่าไตรมาส 1 ปี 2568 จะมีอัตราเข้าพักดี ต่อเนื่องระดับ 80% ขึ้นไป ทำให้ภาพรวมไฮซีซันนี้ เติบโต 20% เทียบกับไฮซีซันที่แล้ว และฟื้นตัว กลับมาเท่าปี 2562 ได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม "ราคาห้องพัก" ตลอดไฮซีซันนี้ ยังไม่สามารถปรับขึ้นได้อย่างโดดเด่นนัก โดยบวกได้ไม่เกิน 10-15% เมื่อเทียบกับไฮซีซันที่แล้ว

    "ภาพรวมท่องเที่ยวพัทยาในไฮซีซันนี้จะโดดเด่นจากตลาดหลักนักท่องเที่ยวรัสเซีย ซึ่งเดินทางเข้ามามากจากเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลต์) ทำให้ยอดดี ใกล้เคียงกับไฮซีซันปี 2562 แล้ว ส่วนนักท่องเที่ยวจีนยังคงเดินทางเข้าพัทยา แต่ปรับพฤติกรรมเป็นเดินทางด้วยตัวเอง (FIT) มากขึ้น จากเคย นิยมเดินทางเป็นหมู่คณะ ขณะที่ตลาดอื่นๆ มีเกาหลีใต้ มาเลเซีย และอินเดีย ที่น่าจะติด ท็อป 5 เดินทางเข้าพัทยาสูงสุดในปีนี้"

    มรกต เล่าเพิ่มเติมว่า สมาคมฯ ต้องการให้รัฐบาลเร่งออก "มาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ" ภาคการท่องเที่ยวช่วงไฮซีซัน เช่น มาตรการทางภาษี เพื่อกระตุ้นตลาด "นักท่องเที่ยวไทย" อย่างต่อเนื่อง จากเดิมเคยมีแคมเปญ "เราเที่ยวด้วยกัน" มาแล้ว ด้วยมองว่า "ไม่อยากให้ทิ้งช่วงไฮซีซัน!" เพราะใช่ว่าธุรกิจโรงแรมและท่องเที่ยวทุกรายจะได้ลูกค้าเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติล้วน เช่น พื้นที่ระยอง จันทบุรี และตราด ในภาคตะวันออก ด้านนักท่องเที่ยวไทยที่มีกำลังซื้อ ส่วนใหญ่เข้าพักโรงแรมระดับ 5 ดาว กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากปัญหากำลังซื้อจะเป็นโรงแรมระดับ 3-4 ดาวลงมา
ข่าวอสังหาริมทรัพย์ภูมิภาค อื่นๆ