SVR โกยยอดขายโครงการแกรนด์ สิวารมณ์ 1 (สุขุมวิท-บางปู) 90% ของมูลค่าทั้งหมด 1,000 ล้านบาท จ่อเปิด “แกรนด์ สิวารมณ์ 2” มูลค่า 1,300 ล้านบาท เน้นพัฒนาบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่รองรับความต้องการโซนบางปูที่มีต่อเนื่องในปีหน้า พร้อมชี้ กนง. ลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกส่งท้ายปี

    นายรณฤทธิ์ ฐิติสุริยารักษ์ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินอาวุโส บริษัท สิวารมณ์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ SVR เปิดเผยว่า ขณะนี้โครงการบ้านเดียว แกรนด์ สิวารมณ์ 1 (สุขุมวิท-บางปู) มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท มียอดขาย (Presale) และยอดโอนกรรมสิทธิ์แล้วกว่า 90% ปัจจุบันมีจำนวนยูนิตเหลือขายเพียงประมาณ 10% มูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ภายในปี 2568 โดยโครงการดังกล่าวสามารถปิดการขายได้ภายในระยะเวลา 3 ปีเศษตามนโยบายการลงทุนของบริษัท

    สำหรับโครงการแกรนด์ สิวารมณ์ 1 (สุขุมวิท-บางปู) เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น สไตล์ English Cottage ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ บนถนนสุขุมวิท รวมจำนวน 227 ยูนิต บนพื้นที่ 50 ไร่ 1 งาน 00.2 ตาราวา มีแบบบ้านให้เลือก 3 แบบ ประกอบด้วย แบบ Luther, แบบ Marble และแบบ Simon โดยการออกแบบได้แรงบันดาลใจจากประเทศอังกฤษ ยุคที่ปกครองโดยราชินีวิคตอเรีย (Queen Victoria) ทั้งนี้ ด้วยความต้องการบ้านขนาดใหญ่ ทำให้บริษัทมีการปรับผังเดิมของโครงการแกรนด์ สิวารมณ์ 1 จากที่มีบ้านขนาดใหญ่ (ไซส์ L) จำนวน 25 ยูนิต และสามารถปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว โดยเพิ่มบ้านขนาดใหญ่เป็น 34 ยูนิต และลดบ้านขนาดกลาง (ไซส์ M) ลงเหลือ 63 ยูนิต จากผังเดิมที่วางไว้ 77 ยูนิต ซึ่งปัจจุบันบ้านขนาดใหญ่ ไซส์ L ได้ปิดการขายหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น บริษัทจึงมีแผนที่จะเปิดขายโครงการแกรนด์ สิวารมณ์ 2 (สุขุมวิท-บางปู) โดยจะเน้นพัฒนาบ้านขนาดใหญ่ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในโซนดังกล่าว

    นายรณฤทธิ์ กล่าวว่า โครงการแกรนด์ สิวารมณ์ 2 (สุขุมวิท-บางปู) มูลค่าโครงการประมาณ 1,300 ล้านบาท เป็นโครงการบ้านเดี่ยวบนที่ดินเริ่มต้น 50 ตารางวา ติดถนนใหญ่ ใกล้สถานีตากอากาศ เชื่อมทำเลถนนสุขุมวิท ใกล้สถานีตากอากาศบางปู ที่สามารถเดินทางเข้าสู่นิคมอุตสาหกรรม ทั้งนิคมฯ บางปู และนิคมฯ บางพลี ราคาเริ่มต้นที่ 4.5 ล้านบาทต่อยูนิต ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้เริ่มพัฒนาโครงการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งคาดว่าจะเปิดขายได้ในช่วงต้นปี 2568

    ส่วนภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2567 ภายหลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ถือเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2567 เนื่องจากเป็นนโยบายที่ออกมาได้เหมาะสมสอดรับกับมาตรการลดค่าจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์ และลดค่าจดทะเบียนการจำนอง ที่จะหมดภายในสิ้นปีนี้ ดังนั้น นโนบายดังกล่าวจึงถือเป็นมาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นการตัดสินใจในการซื้อบ้านได้เร็วขึ้น

    อย่างไรก็ตาม SVR ในฐานะผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หวังว่าภาครัฐควรจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่น ๆ มาช่วยเป็นแรงขับเคลื่อนเพื่อช่วยผู้บริโภคมากขึ้น เนื่องจากภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นอุตสาหกรรมต้นน้ำที่จะส่งต่อไปยังธุรกิจ Supply Chain ที่เกี่ยวข้อง