'คลัง' งัด2แผนกระตุ้นอสังหาฯ
วันที่ : 18 ตุลาคม 2567
"คลัง" จ่อชง ครม. ออกมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ ต่อเนื่อง จัดสินเชื่อ "ซื้อ-แต่ง-ซ่อม-สร้าง" บ้านและ คอนโด ดอกเบี้ยต่ำ วงเงินรวม 55,000 ล้านบาท
ทุ่ม 5.5 หมื่นล้าน สินเชื่อ 'ซื้อ - แต่ง - สร้าง - ซ่อม'บ้าน
"จีน" ปล่อยอีกแผน แก้ปมพร็อพเพอร์ตี้ซบ
จีนปล่อยมาตรการอุ้มอสังหาฯ อีก 19 ล้านล้านบาท ตลาดทุนไม่ตอบสนองชี้มาตรการไม่ดึงดูดมากพอ
สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ระบุว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมาก โดยคิดเป็นสัดส่วนกว่า 3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) และหากรวมธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องด้วยแล้ว จะมีมูลค่าสูงถึง 5.2% ของจีดีพี ซึ่งในช่วงปี 2565-2566 ถือเป็นจุดสูงสุด มูลค่าของอุตสาหกรรมนี้มีมูลค่าสูงถึง 1.1 ล้านล้านบาทแต่สถานการณ์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปัจจุบันนี้ยังไม่สดใส เท่าที่ควร
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่าน ภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลประสบความสำเร็จและได้รับผลตอบรับจากประชาชนสูง โครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home ได้ปล่อยสินเชื่อเต็มกรอบวงเงิน 20,000 ล้านบาท โดยใช้เวลาเพียง 3 เดือน โครงการสินเชื่อ Happy Life ปล่อยสินเชื่อไปแล้วจำนวน 18,000 ล้านบาท
"เราต้องการสนับสนุนภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้ต่อเนื่อง โดยรองรับความต้องการมีบ้านของประชาชน ที่มีรายได้น้อย ให้เข้าถึงสินเชื่อบ้าน ดอกเบี้ยต่ำและสามารถใช้เพื่อซ่อมแซม ต่อเติมบ้าน ทั้งหมดนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณามาตรการ ซื้อ-แต่ง-ซ่อม-สร้าง"
โดยจะแบ่งออกเป็น 2 โครงการ ได้แก่ สินเชื่อซื้อ-สร้าง ดอกเบี้ยพิเศษ 5 ปี วงเงินกู้ไม่เกิน 3 ล้านบาทเพื่อซื้อ ที่ดินพร้อมอาคารหรือ คอนโดมิเนียม ปลูกสร้างบ้าน หรือซื้อที่ดินพร้อมปลูกบ้าน และสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อใช้ในการอยู่อาศัย วงเงินสินเชื่อรวม 50,000 ล้านบาทและสินเชื่อซ่อม-แต่ง ดอกเบี้ยพิเศษ 3 ปี วงเงินกู้ไม่เกิน 1 แสนบาท เป็นสินเชื่อเพิ่มเพื่อต่อเติม หรือซ่อมแซมบ้าน หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัย วงเงินสินเชื่อรวม 5,000 ล้านบาท
'จีน' แถลงมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ
ทางด้านรัฐบาลจีนได้เปิดแถลงข่าวล่าสุดเมื่อวานนี้ (17 ต.ค.) โดยประกาศจะขยายการปล่อยสินเชื่อเพิ่มเป็นเกือบ 2 เท่า ใน "บัญชีสีขาว" (White List) หรือโครงการช่วยเหลือ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ผ่านการ คัดเลือกจากรัฐบาลจีนแล้ว ซึ่งคาดว่า จะทำให้สินเชื่อในโครงการนี้เพิ่มขึ้นเป็น 4 ล้านล้านหยวน (เกือบ 19 ล้านล้านบาท) ภายในสิ้นปี 2567 นี้
นายหนี่ ฮง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเคหะและการพัฒนาเมือง-ชนบทของจีน แถลงข่าวร่วมกับเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางจีน กระทรวงการคลัง และสำนักงานกำกับดูแลการเงินแห่งชาติของจีน (NFRA) ว่า รัฐบาลจะสนับสนุนการรักษาเสถียรภาพของภาคอสังหาริมทรัพย์และกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ผ่านโครงการดังกล่าว รวมถึงมาตรการสนับสนุนด้านอื่นๆ ที่เคยแถลงไปแล้วก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปลายเดือนก.ย. ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ "บัญชีสีขาว" เป็นโครงการที่รัฐบาลจีนก่อตั้งขึ้นในเดือนม.ค. 2567 เพื่อช่วยเหลือบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ โดยข้อมูลในเดือนส.ค.ที่ผ่านมาพบว่า ธนาคารพาณิชย์ได้ปล่อยกู้ช่วยโครงการของบริษัทต่างๆ ไปแล้ว 5,392 โครงการ รวมเป็นเงิน 1.4 ล้านล้านหยวน และมูลค่าของการปล่อยกู้ได้เพิ่มขึ้น เป็น 2.3 ล้านล้านหยวน ในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา
สำนักข่าวบลูมเบิร์กระบุว่า นอกจากมาตรการช่วยเหลือดังกล่าวแล้ว รัฐบาลจีนยังออกมาตรการ "รีโนเวตบ้าน" ราว 1 ล้านหลังใน ย่านชานเมืองต่างๆ ที่ทรุดโทรม ผ่านการออกพันธบัตรพิเศษของรัฐบาลท้องถิ่น เพื่อช่วยภาคอสังหาฯ และช่วยอุดหนุนประชาชนในการซื้ออพาร์ตเมนต์ใหม่ได้
นอกจากนี้ รัฐบาลยังอาจพิจารณาขยายโครงการดังกล่าวออกไปอีก โดยอาจเปิดทางให้ธนาคารปล่อยกู้สำหรับการซื้อที่ดินรกร้าง หรือเพิ่มการอุดหนุนที่อยู่อาศัยราคาถูกสำหรับครอบครัวที่มีลูก 2 คนขึ้นไป รวมถึงรีโนเวตบ้าน 1 ล้านในย่านชานเมืองหลังสำหรับผู้สูงอายุ โดยเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามหลายปีที่จะพัฒนาและพลิกฟื้นย่านชานเมืองที่ทรุดโทรมในหลายเมืองทั่วประเทศ
"หลังจากมีความพยายามแก้ปัญหาต่อเนื่องมานานสามปี ตลาดก็เริ่มแตะจุดต่ำสุดแล้ว" รมว.จีนกล่าว และเสริมว่าคาดว่าข้อมูลตลาดที่อยู่อาศัยในเดือนตุลาคมนี้จะ "เป็นไปในแง่บวกและมีสัญญาณที่ดีขึ้น"
นักลงทุนผิดหวังซ้ำมาตรการไม่ปังพอ
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นจีนกลับตอบรับข่าวนี้ในแดนลบ โดยดัชนี CSI 300 ปิดตลาดเมื่อวันที่ 17 ต.ค. ลบไป 1.1% หากนับตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค. เป็นต้นมาลดลงไปแล้ว 11% ในขณะที่ หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ของจีนจากการรายงานของบลูมเบิร์ก อินเทลลิเจนซ์ ดิ่งลงไปมากกว่า 12%
เวย์ เซิน หลิง กรรมการผู้จัดการบริษัทยูเนียน บังแคร์ พรีเว่ กล่าวว่า นักลงทุนในตลาดต่างคาดหวังว่าจะได้เห็นการประกาศตัวเลขกระตุ้นใหญ่ๆ เพื่อดันราคาหุ้นให้ขยับขึ้นไปอีก แต่กลายเป็นว่ารัฐบาลโฟกัสไปที่การฟื้นเศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์ แบบค่อยเป็นค่อยไปมากกว่า และมองว่า ตราบใดที่ยังมีความไม่สอดคล้องกันกับความคาดหวัง การแถลงข่าว ทุกๆ ครั้งของทางการจีนก็จะตามมา ด้วยความผิดหวังอย่างไม่อาจ หลีกเลี่ยงได้
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 12 ต.ค. นายหลัน ฝออัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของจีน ได้แถลงข่าว ระบุว่า รัฐบาลจีนยังมีช่องทางที่จะเพิ่มการก่อหนี้และขยายเพดานการขาดดุลงบประมาณได้อีก และจะเพิ่มการออกพันธบัตรรัฐบาล "จำนวนมาก" ในความพยายามกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน "แต่ยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขวงเงินที่แน่ชัดออกมา"
หลันกล่าวว่านโยบายดังกล่าวยังอยู่ ในระหว่างการพิจารณา โดยนโยบาย 4 เรื่องที่เข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาไปแล้ว ได้แก่ ธนาคารขนาดใหญ่ของรัฐ, การจ้างงานเยาวชนคนรุ่นใหม่, การสนับสนุนรัฐบาลท้องถิ่นเพื่อจัดการกับความเสี่ยงด้านหนี้ และรักษาเสถียรภาพของตลาดอสังหาริมทรัพย์
ซีเอ็นบีซีรายงานว่าบรรดา นักเศรษฐศาสตร์ต่างระบุเป็นเสียงเดียวกันว่า จีนต้องดำเนินมาตรการกระตุ้นทางการคลังเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลกำหนดเอาไว้ที่ประมาณ 5% ได้ แต่จนถึงขณะนี้ รัฐบาลปักกิ่งก็ยังไม่ได้ประกาศใดๆ ที่ชัดเจนออกมาและในวันนี้ (18 ต.ค.) ทางการจีนจะรายงานตัวเลขการขยายตัว ทางเศรษฐกิจไตรมาส 3 ออกมา ซึ่งผลสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์โดยบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวได้ 4.5% หรือเป็นอัตราที่น้อยที่สุดในรอบ 6 ไตรมาส นับตั้งแต่เดือนมี.ค. เป็นต้นมา
"จีน" ปล่อยอีกแผน แก้ปมพร็อพเพอร์ตี้ซบ
จีนปล่อยมาตรการอุ้มอสังหาฯ อีก 19 ล้านล้านบาท ตลาดทุนไม่ตอบสนองชี้มาตรการไม่ดึงดูดมากพอ
สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ระบุว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมาก โดยคิดเป็นสัดส่วนกว่า 3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) และหากรวมธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องด้วยแล้ว จะมีมูลค่าสูงถึง 5.2% ของจีดีพี ซึ่งในช่วงปี 2565-2566 ถือเป็นจุดสูงสุด มูลค่าของอุตสาหกรรมนี้มีมูลค่าสูงถึง 1.1 ล้านล้านบาทแต่สถานการณ์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปัจจุบันนี้ยังไม่สดใส เท่าที่ควร
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่าน ภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลประสบความสำเร็จและได้รับผลตอบรับจากประชาชนสูง โครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home ได้ปล่อยสินเชื่อเต็มกรอบวงเงิน 20,000 ล้านบาท โดยใช้เวลาเพียง 3 เดือน โครงการสินเชื่อ Happy Life ปล่อยสินเชื่อไปแล้วจำนวน 18,000 ล้านบาท
"เราต้องการสนับสนุนภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้ต่อเนื่อง โดยรองรับความต้องการมีบ้านของประชาชน ที่มีรายได้น้อย ให้เข้าถึงสินเชื่อบ้าน ดอกเบี้ยต่ำและสามารถใช้เพื่อซ่อมแซม ต่อเติมบ้าน ทั้งหมดนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณามาตรการ ซื้อ-แต่ง-ซ่อม-สร้าง"
โดยจะแบ่งออกเป็น 2 โครงการ ได้แก่ สินเชื่อซื้อ-สร้าง ดอกเบี้ยพิเศษ 5 ปี วงเงินกู้ไม่เกิน 3 ล้านบาทเพื่อซื้อ ที่ดินพร้อมอาคารหรือ คอนโดมิเนียม ปลูกสร้างบ้าน หรือซื้อที่ดินพร้อมปลูกบ้าน และสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อใช้ในการอยู่อาศัย วงเงินสินเชื่อรวม 50,000 ล้านบาทและสินเชื่อซ่อม-แต่ง ดอกเบี้ยพิเศษ 3 ปี วงเงินกู้ไม่เกิน 1 แสนบาท เป็นสินเชื่อเพิ่มเพื่อต่อเติม หรือซ่อมแซมบ้าน หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัย วงเงินสินเชื่อรวม 5,000 ล้านบาท
'จีน' แถลงมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ
ทางด้านรัฐบาลจีนได้เปิดแถลงข่าวล่าสุดเมื่อวานนี้ (17 ต.ค.) โดยประกาศจะขยายการปล่อยสินเชื่อเพิ่มเป็นเกือบ 2 เท่า ใน "บัญชีสีขาว" (White List) หรือโครงการช่วยเหลือ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ผ่านการ คัดเลือกจากรัฐบาลจีนแล้ว ซึ่งคาดว่า จะทำให้สินเชื่อในโครงการนี้เพิ่มขึ้นเป็น 4 ล้านล้านหยวน (เกือบ 19 ล้านล้านบาท) ภายในสิ้นปี 2567 นี้
นายหนี่ ฮง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเคหะและการพัฒนาเมือง-ชนบทของจีน แถลงข่าวร่วมกับเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางจีน กระทรวงการคลัง และสำนักงานกำกับดูแลการเงินแห่งชาติของจีน (NFRA) ว่า รัฐบาลจะสนับสนุนการรักษาเสถียรภาพของภาคอสังหาริมทรัพย์และกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ผ่านโครงการดังกล่าว รวมถึงมาตรการสนับสนุนด้านอื่นๆ ที่เคยแถลงไปแล้วก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปลายเดือนก.ย. ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ "บัญชีสีขาว" เป็นโครงการที่รัฐบาลจีนก่อตั้งขึ้นในเดือนม.ค. 2567 เพื่อช่วยเหลือบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ โดยข้อมูลในเดือนส.ค.ที่ผ่านมาพบว่า ธนาคารพาณิชย์ได้ปล่อยกู้ช่วยโครงการของบริษัทต่างๆ ไปแล้ว 5,392 โครงการ รวมเป็นเงิน 1.4 ล้านล้านหยวน และมูลค่าของการปล่อยกู้ได้เพิ่มขึ้น เป็น 2.3 ล้านล้านหยวน ในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา
สำนักข่าวบลูมเบิร์กระบุว่า นอกจากมาตรการช่วยเหลือดังกล่าวแล้ว รัฐบาลจีนยังออกมาตรการ "รีโนเวตบ้าน" ราว 1 ล้านหลังใน ย่านชานเมืองต่างๆ ที่ทรุดโทรม ผ่านการออกพันธบัตรพิเศษของรัฐบาลท้องถิ่น เพื่อช่วยภาคอสังหาฯ และช่วยอุดหนุนประชาชนในการซื้ออพาร์ตเมนต์ใหม่ได้
นอกจากนี้ รัฐบาลยังอาจพิจารณาขยายโครงการดังกล่าวออกไปอีก โดยอาจเปิดทางให้ธนาคารปล่อยกู้สำหรับการซื้อที่ดินรกร้าง หรือเพิ่มการอุดหนุนที่อยู่อาศัยราคาถูกสำหรับครอบครัวที่มีลูก 2 คนขึ้นไป รวมถึงรีโนเวตบ้าน 1 ล้านในย่านชานเมืองหลังสำหรับผู้สูงอายุ โดยเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามหลายปีที่จะพัฒนาและพลิกฟื้นย่านชานเมืองที่ทรุดโทรมในหลายเมืองทั่วประเทศ
"หลังจากมีความพยายามแก้ปัญหาต่อเนื่องมานานสามปี ตลาดก็เริ่มแตะจุดต่ำสุดแล้ว" รมว.จีนกล่าว และเสริมว่าคาดว่าข้อมูลตลาดที่อยู่อาศัยในเดือนตุลาคมนี้จะ "เป็นไปในแง่บวกและมีสัญญาณที่ดีขึ้น"
นักลงทุนผิดหวังซ้ำมาตรการไม่ปังพอ
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นจีนกลับตอบรับข่าวนี้ในแดนลบ โดยดัชนี CSI 300 ปิดตลาดเมื่อวันที่ 17 ต.ค. ลบไป 1.1% หากนับตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค. เป็นต้นมาลดลงไปแล้ว 11% ในขณะที่ หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ของจีนจากการรายงานของบลูมเบิร์ก อินเทลลิเจนซ์ ดิ่งลงไปมากกว่า 12%
เวย์ เซิน หลิง กรรมการผู้จัดการบริษัทยูเนียน บังแคร์ พรีเว่ กล่าวว่า นักลงทุนในตลาดต่างคาดหวังว่าจะได้เห็นการประกาศตัวเลขกระตุ้นใหญ่ๆ เพื่อดันราคาหุ้นให้ขยับขึ้นไปอีก แต่กลายเป็นว่ารัฐบาลโฟกัสไปที่การฟื้นเศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์ แบบค่อยเป็นค่อยไปมากกว่า และมองว่า ตราบใดที่ยังมีความไม่สอดคล้องกันกับความคาดหวัง การแถลงข่าว ทุกๆ ครั้งของทางการจีนก็จะตามมา ด้วยความผิดหวังอย่างไม่อาจ หลีกเลี่ยงได้
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 12 ต.ค. นายหลัน ฝออัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของจีน ได้แถลงข่าว ระบุว่า รัฐบาลจีนยังมีช่องทางที่จะเพิ่มการก่อหนี้และขยายเพดานการขาดดุลงบประมาณได้อีก และจะเพิ่มการออกพันธบัตรรัฐบาล "จำนวนมาก" ในความพยายามกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน "แต่ยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขวงเงินที่แน่ชัดออกมา"
หลันกล่าวว่านโยบายดังกล่าวยังอยู่ ในระหว่างการพิจารณา โดยนโยบาย 4 เรื่องที่เข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาไปแล้ว ได้แก่ ธนาคารขนาดใหญ่ของรัฐ, การจ้างงานเยาวชนคนรุ่นใหม่, การสนับสนุนรัฐบาลท้องถิ่นเพื่อจัดการกับความเสี่ยงด้านหนี้ และรักษาเสถียรภาพของตลาดอสังหาริมทรัพย์
ซีเอ็นบีซีรายงานว่าบรรดา นักเศรษฐศาสตร์ต่างระบุเป็นเสียงเดียวกันว่า จีนต้องดำเนินมาตรการกระตุ้นทางการคลังเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลกำหนดเอาไว้ที่ประมาณ 5% ได้ แต่จนถึงขณะนี้ รัฐบาลปักกิ่งก็ยังไม่ได้ประกาศใดๆ ที่ชัดเจนออกมาและในวันนี้ (18 ต.ค.) ทางการจีนจะรายงานตัวเลขการขยายตัว ทางเศรษฐกิจไตรมาส 3 ออกมา ซึ่งผลสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์โดยบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวได้ 4.5% หรือเป็นอัตราที่น้อยที่สุดในรอบ 6 ไตรมาส นับตั้งแต่เดือนมี.ค. เป็นต้นมา
ข่าวนโยบายการเงิน-การคลัง อื่นๆ