นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนก.ค. 67 ยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง และการส่งออกสินค้าที่กลับมาขยายตัวได้ในระดับสูง แต่ยังต้องติดตามการลงทุนภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด แม้ว่ามีสัญญาณดีขึ้นจากปริมาณนำเข้าสินค้าทุนที่กลับมาขยายตัวได้ดี แต่ปริมาณรถยนต์เชิงพาณิชย์จดทะเบียนใหม่ยังคงชะลอตัว เช่นเดียวกับปริมาณจดทะเบียนใหม่ของรถยนต์นั่งและรถจักรยานยนต์

         ทั้งนี้ด้านการบริโภคภาคเอกชน มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้น โดยภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ เพิ่มขึ้น 11.4% แต่ปริมาณรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ ลดลง 9.7% และปริมาณจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ลดลง 3.7% ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 57.7% เพราะผู้บริโภคมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ประกอบกับค่าครองชีพปรับตัวสูงขึ้น รายได้เกษตรกรที่แท้จริงเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 5%

         ด้านการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า เช่น หมวดเครื่องมือเครื่องจักร เพิ่มขึ้น 13.8% การลงทุนภาคเอกชนในหมวดการก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศ ขยายตัว 0.7% ภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มขึ้น 7.1% มูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัวในระดับสูง อยู่ที่ 25,720.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 15.2% เนื่องจากการขยายตัวของสินค้าในหมวดเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องโทรศัพท์ อย่างไรก็ดี การส่งออกน้ำตาลทราย และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบปรับตัวลดลง

         ส่วนภาคการท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้น เดือน ก.ค. 67 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทย 3.10 ล้านคน ขยายตัวจากปีก่อน 24.6% โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากจีน มาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ และ ลาว ตามลำดับ เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวภายในประเทศ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 11.1% ขณะที่ภาคการเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกรรมลดลงจากปีก่อน 1.4% ส่วนเศรษฐกิจภูมิภาคในเดือนก.ค.นี้ ยังสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการจับจ่ายใช้สอยเพื่อการบริโภคที่ยังขยายตัวเกือบทุกภูมิภาคโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ และภาคตะวันตก.