ธุรกิจรายใหญ่เบรกลงทุนใหม่ สินเชื่อชะลอ - ครึ่งปีหลังยังไม่กระเตื้อง
วันที่ : 27 กรกฎาคม 2567
ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มสินเชื่อรายใหญ่ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้คาดว่าจะยังชะลอตัว เนื่องจากเศรษฐกิจโลกเติบโตต่ำกว่าที่คาดไว้ และปัจจัยความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ส่งผลกระทบต่อการค้าโลกและเศรษฐกิจไทย
แบงก์ชี้เทรนด์สินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ไม่กระเตื้อง ผู้ประกอบการเบรกลงทุนใหม่ กังวล "เศรษฐกิจโตต่ำความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ฉุดการค้าโลก-ดอกเบี้ยสูงดันต้นทุนกู้ยืมเพิ่ม" เน้นใช้แต่วงเงินทุนหมุนเวียน ไร้ดีลลงทุนใหม่-ซื้อกิจการ เผยดีแค่บางเซ็กเตอร์ ฟาก "ศูนย์วิจัยกสิกรไทย" ปรับลดประมาณการการเติบโตของสินเชื่อธุรกิจภาพรวมลง เหตุเอสเอ็มอี- รายย่อยยังชะลอ
นายทิพากร สายพัฒนา รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า แนวโน้มสินเชื่อรายใหญ่ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้คาดว่าจะยังชะลอตัว เนื่องจากเศรษฐกิจโลกเติบโตต่ำกว่าที่คาดไว้ และปัจจัยความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ส่งผลกระทบต่อการค้าโลกและเศรษฐกิจไทย ซึ่งเชื่อมมายังต้นทุนในการผลิตของประเทศ หากราคาน้ำมันผันผวน และการส่งออกคาดว่าจะขยายตัวเล็กน้อยราว 1-2% รวมถึงปัญหาเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และสถานการณ์การเมืองภายในประเทศที่ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ
อย่างไรก็ตาม บางธุรกิจยังคงได้รับปัจจัยบวกที่ทำให้มีโอกาสเติบโตสูง เช่น ท่องเที่ยวที่ฟ้นตัวต่อเนื่อง จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเติบโตถึง 30% ส่งผลดีต่อธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้อง เช่น โรงแรม ร้านอาหาร และสายการบิน ขณะที่ธุรกิจเกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และขายวัสดุก่อสร้าง จะได้รับอานิสงส์จากการลงทุนภาครัฐในปี 2567 ถึง 3.48 ล้านล้านบาท เพิ่มจากปีก่อน 9% อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามความคืบหน้าของโครงการและการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณให้ได้ตามกำหนด
สำหรับธนาคารกสิกรไทยตั้งเป้าการเติบโตสินเชื่อรายใหญ่อยู่ที่ 2-4% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยในไตรมาสแรกลูกค้าที่มีการใช้สินเชื่อเพิ่มขึ้นมาจากธุรกิจสถาบันการเงิน สื่อสาร อาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมี และสาธารณูปโภค โดยคุณภาพสินเชื่อยังอยู่ในกรอบความเสี่ยงที่ธนาคารกำหนด ซึ่งธนาคารพิจารณาปล่อยสินเชื่อตามความเสี่ยงเป็นรายลูกค้า
"สัญญาณการลงทุนของลูกค้ารายใหญ่ยังมีค่อนข้างน้อย เพราะลูกค้ายังระมัดระวังการลงทุนใหม่ จากเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงสูง เป็นปัจจัยที่สร้างความกังวล และดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นทำให้ต้นทุนการกู้ยืมเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุน"
นายประกอบ เพียรเจริญ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ครึ่งแรกของปี 2567 สินเชื่อธุรกิจรายใหญ่บรรยากาศค่อนข้างเงียบ แม้ว่าสัญญาณการส่งออกเริ่มฟ้นตัว แต่ลูกค้ารายใหญ่ยังคงชะลอการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ (Wait & See) เนื่องจากยังมีความไม่ชัดเจนของการฟ้นตัว และกำลังซื้อค่อนข้างอ่อนแอ ทั้งนี้ ธนาคารยังตั้งเป้าเติบโตเท่าเดิมที่ 4-6%
"การใช้วงเงินยังคงเป็นการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อเป็นสภาพคล่องในธุรกิจ แต่การลงทุนหรือการซื้อขายกิจการ (M&A) ยังไม่มีดีลให้เห็น ซึ่งกลุ่มที่ยังเห็นการขยายธุรกิจอยู่ เช่น กลุ่มโรงพยาบาล (Health Care) อาหารและเครื่องดื่ม และกลุ่มที่เกี่ยวเนื่องกับภาคท่องเที่ยว โทรคมนาคม เป็น 3-4 กลุ่มที่เห็นยังมีการเติบโต ส่วนกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ยังไม่ฟ้นมากนัก ส่วนหนึ่งมาจากปัญหากำลังซื้อ ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของแบงก์ และปัญหาหนี้เสีย โดยเราคาดหวังว่าครึ่งหลังของปีสถานการณ์น่าจะดีขึ้น"
นางสาวกาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมสินเชื่อรายใหญ่เริ่มฟ้นตัวกลับมาได้ในระดับหนึ่งเมื่อเทียบกับสินเชื่อในระบบ โดยในไตรมาส 1/2567 สินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ขยายตัว 1% ขณะที่สินเชื่อรายใหญ่เติบโตที่ 1.6% แต่ภาพรวมสินเชื่อธุรกิจยังคงลดลง -0.7% สะท้อนว่าสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอียังหดตัว
"อย่างไรก็ตาม สินเชื่อรายใหญ่ที่ขยายตัว 1.6% ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากฐานที่ต่ำในปีก่อน และมีบางธุรกิจมีการเบิกใช้วงเงินสินเชื่อหมุนเวียน เพื่อเป็นสภาพคล่องในธุรกิจ โดยตัวเลขยอดสินเชื่อคงค้างในไตรมาสที่ 1/2567 อยู่ที่ 4.76 ล้านล้านบาท ซึ่งหากเทียบกับยอดคงค้าง ณ สิ้นปี 2566 ที่อยู่ที่ 4.64 ล้านล้านบาท ก็ติดลบไป -1.3% ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากธุรกิจมีการชะลอการลงทุน จึงชะลอการหาแหล่งเงินทุน ไม่มีการระดมทุน หรือระดมทุนก้อนใหญ่เกิดขึ้น"
ทั้งนี้ หากมองไปข้างหน้า จากสัญญาณเศรษฐกิจที่เริ่มเห็นการหมุนได้บ้าง จากการใช้จ่าย และมีการเบิกจ่ายงบประมาณได้ น่าจะเห็นการทยอยเบิกใช้สินเชื่อตามมา โดยคาดว่าสินเชื่อรายใหญ่ ในช่วงที่เหลือของปี 2567 น่าจะขยายตัวใกล้เคียง หรือสูงกว่าไตรมาสที่ 1/2567
"ภาพรวมสินเชื่อรวมทั้งระบบแบงก์ในปีนี้ เดิมเราประเมินว่าจะเติบโตในกรอบ 2.5-3.5% แต่หลังจากตัวเลขไตรมาส 1 ออกมา เราได้ปรับกรอบการเติบโตใหม่ลงมาอยู่ที่ 2-3.2% ตามสัญญาณสินเชื่อที่ยังไม่มา โดยจะเห็นรายใหญ่ขยายตัวได้ ส่วนเอสเอ็มอีและรายย่อยยังคงชะลอตัว"
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ