รับเหมาแตกไลน์เปิด 'เลค อเวนิว ภูเก็ต' ปักหมุด 'เชิงทะเล' ชูราคาขายต่ำกว่าคู่แข่ง
วันที่ : 11 กรกฎาคม 2567
โรยัล ซีพีเอช เผยว่า โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักจะเป็นคนไทยที่ต้องการซื้อห้องชุดเก็บไว้เป็นบ้านหลังที่ 2 หรือบ้านพักตากอากาศ รวมถึงซื้อเพื่อการลงทุน และกลุ่มคนในท้องถิ่น ส่วนลูกค้าต่างชาติจะเป็นกลุ่มยุโรป รัสเซีย และอเมริกาเหนือ ซึ่งคาดว่าจะมีลูกค้าต่างชาติจองซื้อห้องชุดเต็มโควตา 49%
กลุ่มทุนรับเหมาก่อสร้างเมืองภูเก็ต ลุยธุรกิจพัฒนา ที่ดิน ตั้ง บริษัทโรยัล ซีพีเอช ดีเวลล็อปเม้นท์ ลุยพัฒนา คอนโดฯ แบรนด์แรก Lake Avenue Phuket ย่านเชิงทะเล ทำเลทองของภูเก็ต บนที่ดิน 5 ไร่ มูลค่าเกือบ 2,000 ล้าน ราคาขายเฉลี่ย 141,000 บาทต่อ ตร.ม.ต่ำกว่าคู่แข่งในย่าน มั่นใจช่วงขายพรีเซลกวาดยอดขายกว่า 30%
มุมมองภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมยังคงเติบโตทั้งในส่วนของซัพพลายและดีมานด์ ซึ่งในปีที่ผ่านมา เฉพาะที่ภูเก็ต มีซัปพลายเปิดใหม่สูงถึง 10,000 ยูนิต มูลค่าไปแตะระดับ 1 แสนบาท ซึ่งในอดีตช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา ทำเลป่าตอง ภูเก็ต ได้รับความนิยม แต่ปัจจุบันลงทุนย้ายมาที่โซนลากูน่า บางเทา เชิงทะเล มีโครงการคอนโดฯ วิลล่าหรู เกิดขึ้นจำนวนมาก ราคาค่าเช่าก็ร้อนแรงประมาณ 1,000-1,200 บาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.) เทียบเคียงกับกรุงเทพฯ ชั้นในอย่างโซนสีลม และมูลค่าที่ดินมีการปรับขึ้นเฉลี่บ 20% ต่อปี
นางสาวสุกัญญา ตาเกอูจิ ผู้บริหารฝ่ายการเงิน บริษัท โรยัล ซีพีเอช ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2557 เพื่อดำเนินธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขายในจังหวัดภูเก็ต ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 2 ล้านบาท ปัจจุบันเพิ่มทุนจดทะเบียนขึ้นเป็น 154 ล้านบาท มีผู้ถือหุ้นหลัก 5 คนทั้งคนไทยและต่างชาติ ที่มีประสบการณ์อยู่ในแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากว่า 20 ปี ทั้งด้านรับเหมาก่อสร้าง ไฟแนนเชียล และอินทีเรีย โดยมีนายฮิว จอห์น บัทเลอร์ เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท พร้อมด้วยผู้บริหาร คือ นายธนนนท์ วงศ์สวัสดิ์, นางสาวฬุรยา แสงกระจ่าง, นางสาวณฤดี ศิริมณี และนางสาวสุกัญญา ตาเกอูจิ
โดยเริ่มต้นจากการทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างร่วมกันในนามบริษัท เอเอสแอล เมเนจเม้นท์ คอนแทรคติ้ง จำกัด ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 งานส่วนใหญ่จะเป็นคอนโดมิเนียม โรงแรม โรงพยาบาล โรงเรียนนานาชาติ และบริษัทอธีนา สยาม จำกัด รับงานด้านรับเหมาก่อสร้าง, สถาปัตยกรรมและการให้คำปรึกษางานก่อสร้างอาคารสูง และงานก่อสร้างที่เกี่ยวข้อง ทำให้เห็นช่องทางและโอกาสที่จะขยายการลงทุนเข้ามาสู่ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ต
รวมทั้งได้มีการศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงการอสังหาฯ ในจังหวัดภูเก็ตมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับได้มีการทยอยซื้อที่ดินเก็บไว้จำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะในย่านเชิงทะเล ซึ่งเป็นทำเลยอดนิยมที่ได้รับความสนใจทั้งจากนักลงทุน และกลุ่มผู้ซื้อคนไทยและต่างชาติ เดิมวางแผนจะเปิดตัวโครงการแรกเป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ. 2561-2562 แต่เกิดโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว รวมถึงเศรษฐกิจของประเทศไทย จึงได้ชะลอแผนการลงทุนออกไป และได้คืนเงินให้กับลูกค้าที่ซื้อห้องชุดตอนนั้น 40 ยูนิต ในราคา ตร.ม.80,000 บาท
ล่าสุดได้กลับมาเปิดตัวใหม่อีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของปี พ.ศ. 2567 นี้ โดยใช้ชื่อโครงการว่า เลค อเวนิว ภูเก็ต (Lake Avenue Phuket) มูลค่าโครงการ 1,940 ล้านบาท โครงการตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 5 ไร่ 40 ตารางวา ในซอยเชิงทะเล 3 ห่างจากถนนใหญ่ศรีสุนทรระยะทางไม่เกิน 200 เมตร โอบล้อมไปด้วยทะเลสาบขนาดใหญ่ถึง 2 ฝั่ง เป็นอาคารสูง 7 ชั้น จำนวน 2 อาคาร รวม 206 ยูนิต
ทั้งนี้ จากการสำรวจความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่ซื้อห้องชุดในภูเก็ต พบว่าส่วนใหญ่ต้องการห้องชุดแบบ 2 ห้องนอน ราคาไม่เกิน 8 ล้านบาท รองรับกลุ่มครอบครัวที่ซื้อเก็บไว้เป็นบ้านหลังที่ 2 ทำให้ โครงการเลค อเวนิว ภูเก็ต ได้ออกแบบห้องชุดขนาด 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอยประมาณ 48 ตร.ม.ออกมามากที่สุดถึง 54% ราคาขาย 7-8 ล้านบาท หรือเฉลี่ยประมาณ 141,000 บาทต่อ ตร.ม. และแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอย 70 ตร.ม. จำนวน 38 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ย 10 ล้านบาท ขณะที่ห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 34 ตร.ม. มีจำนวนแค่ 11 ยูนิตเท่านั้น เพราะยังมีห้องชุดแบบ 1 ห้องนอนเหลือขายอยู่ในมือของผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดภูเก็ตค่อนข้างมาก
โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักจะเป็นคนไทยที่ต้องการซื้อห้องชุดเก็บไว้เป็นบ้านหลังที่ 2 หรือบ้านพักตากอากาศ รวมถึงซื้อเพื่อการลงทุน และกลุ่มคนในท้องถิ่น ส่วนลูกค้าต่างชาติจะเป็นกลุ่มยุโรป รัสเซีย และอเมริกาเหนือ ซึ่งคาดว่าจะมีลูกค้าต่างชาติจองซื้อห้องชุดเต็มโควตา 49%
ปัจจุบันโครงการเลค อเวนิว ภูเก็ต ได้ผ่านการรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)เรียบร้อยแล้ว และได้ลงมือก่อสร้างในส่วนของการลงเข็มและฐานรากแล้ว โดยมีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จ และส่งมอบห้องชุดให้กับลูกค้าได้ช่วงปลายปี 2569 ส่วนงานขายจะเริ่มเปิดพรีเซลอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ คาดว่าในช่วง 3 เดือนแรกของการขายจะสามารถสร้างยอดได้กว่า 30% และก่อนปิดโครงการจะปรับราคาขึ้น 20%
นางสาวสุกัญญา ซึ่งมีประสบการณ์ในแวดวงธนาคารกล่าวว่า การแข่งขันของตลาดคอนโดฯ ในเมืองภูเก็ตค่อนข้างรุนแรง โดยเฉพาะในรัศมีไม่เกิน 2 กิโลเมตร จากที่ตั้งโครงการ มีโครงการของบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์เปิดขายอยู่ 3-4 โครงการ อาทิ โครงการ เดอะไทเทิล เลเจนดารี บางเทา ของ บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ในเครือแอสเซทไวส์, โครงการ โซ ออริจิ้น บางเทา บีช ของกลุ่มออริจิ้นฯ และโครงการเดอะ สแตนดาร์ด เรสซิเดนซ์ ภูเก็ต บางเทาของกลุ่มแสนสิริ
ขณะที่ โครงการเลค อเวนิว ภูเก็ต มีความได้เปรียบด้านราคาที่ถูกกว่าคู่แข่ง 15 -20% และมีพื้นที่ทะเลสาบอยู่ด้านข้างโครงการ ถือว่าเป็นโครงการแรกของเมืองภูเก็ต รวมถึงกลุ่มผู้บริหารโครงการที่เป็นคนในพื้นที่ภูเก็ตและทำธุรกิจมากว่า 20 ปี ทำให้มีความเข้าใจพื้นที่และความต้องการของกลุ่มคนซื้อในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี สำหรับแผนการลงทุนของบริษัทในอนาคต วางแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ในรูปแบบพูลวิลล่าราคาขายไม่เกิน 16 ล้านบาทในพื้นที่เชิงทะเล ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการเจรจาซื้อที่ดิน คาดว่าจะเปิดตัวโครงการได้ในช่วงปี พ.ศ. 2569
มุมมองภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมยังคงเติบโตทั้งในส่วนของซัพพลายและดีมานด์ ซึ่งในปีที่ผ่านมา เฉพาะที่ภูเก็ต มีซัปพลายเปิดใหม่สูงถึง 10,000 ยูนิต มูลค่าไปแตะระดับ 1 แสนบาท ซึ่งในอดีตช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา ทำเลป่าตอง ภูเก็ต ได้รับความนิยม แต่ปัจจุบันลงทุนย้ายมาที่โซนลากูน่า บางเทา เชิงทะเล มีโครงการคอนโดฯ วิลล่าหรู เกิดขึ้นจำนวนมาก ราคาค่าเช่าก็ร้อนแรงประมาณ 1,000-1,200 บาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.) เทียบเคียงกับกรุงเทพฯ ชั้นในอย่างโซนสีลม และมูลค่าที่ดินมีการปรับขึ้นเฉลี่บ 20% ต่อปี
นางสาวสุกัญญา ตาเกอูจิ ผู้บริหารฝ่ายการเงิน บริษัท โรยัล ซีพีเอช ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2557 เพื่อดำเนินธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขายในจังหวัดภูเก็ต ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 2 ล้านบาท ปัจจุบันเพิ่มทุนจดทะเบียนขึ้นเป็น 154 ล้านบาท มีผู้ถือหุ้นหลัก 5 คนทั้งคนไทยและต่างชาติ ที่มีประสบการณ์อยู่ในแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากว่า 20 ปี ทั้งด้านรับเหมาก่อสร้าง ไฟแนนเชียล และอินทีเรีย โดยมีนายฮิว จอห์น บัทเลอร์ เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท พร้อมด้วยผู้บริหาร คือ นายธนนนท์ วงศ์สวัสดิ์, นางสาวฬุรยา แสงกระจ่าง, นางสาวณฤดี ศิริมณี และนางสาวสุกัญญา ตาเกอูจิ
โดยเริ่มต้นจากการทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างร่วมกันในนามบริษัท เอเอสแอล เมเนจเม้นท์ คอนแทรคติ้ง จำกัด ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 งานส่วนใหญ่จะเป็นคอนโดมิเนียม โรงแรม โรงพยาบาล โรงเรียนนานาชาติ และบริษัทอธีนา สยาม จำกัด รับงานด้านรับเหมาก่อสร้าง, สถาปัตยกรรมและการให้คำปรึกษางานก่อสร้างอาคารสูง และงานก่อสร้างที่เกี่ยวข้อง ทำให้เห็นช่องทางและโอกาสที่จะขยายการลงทุนเข้ามาสู่ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ต
รวมทั้งได้มีการศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงการอสังหาฯ ในจังหวัดภูเก็ตมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับได้มีการทยอยซื้อที่ดินเก็บไว้จำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะในย่านเชิงทะเล ซึ่งเป็นทำเลยอดนิยมที่ได้รับความสนใจทั้งจากนักลงทุน และกลุ่มผู้ซื้อคนไทยและต่างชาติ เดิมวางแผนจะเปิดตัวโครงการแรกเป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ. 2561-2562 แต่เกิดโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว รวมถึงเศรษฐกิจของประเทศไทย จึงได้ชะลอแผนการลงทุนออกไป และได้คืนเงินให้กับลูกค้าที่ซื้อห้องชุดตอนนั้น 40 ยูนิต ในราคา ตร.ม.80,000 บาท
ล่าสุดได้กลับมาเปิดตัวใหม่อีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของปี พ.ศ. 2567 นี้ โดยใช้ชื่อโครงการว่า เลค อเวนิว ภูเก็ต (Lake Avenue Phuket) มูลค่าโครงการ 1,940 ล้านบาท โครงการตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 5 ไร่ 40 ตารางวา ในซอยเชิงทะเล 3 ห่างจากถนนใหญ่ศรีสุนทรระยะทางไม่เกิน 200 เมตร โอบล้อมไปด้วยทะเลสาบขนาดใหญ่ถึง 2 ฝั่ง เป็นอาคารสูง 7 ชั้น จำนวน 2 อาคาร รวม 206 ยูนิต
ทั้งนี้ จากการสำรวจความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่ซื้อห้องชุดในภูเก็ต พบว่าส่วนใหญ่ต้องการห้องชุดแบบ 2 ห้องนอน ราคาไม่เกิน 8 ล้านบาท รองรับกลุ่มครอบครัวที่ซื้อเก็บไว้เป็นบ้านหลังที่ 2 ทำให้ โครงการเลค อเวนิว ภูเก็ต ได้ออกแบบห้องชุดขนาด 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอยประมาณ 48 ตร.ม.ออกมามากที่สุดถึง 54% ราคาขาย 7-8 ล้านบาท หรือเฉลี่ยประมาณ 141,000 บาทต่อ ตร.ม. และแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอย 70 ตร.ม. จำนวน 38 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ย 10 ล้านบาท ขณะที่ห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 34 ตร.ม. มีจำนวนแค่ 11 ยูนิตเท่านั้น เพราะยังมีห้องชุดแบบ 1 ห้องนอนเหลือขายอยู่ในมือของผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดภูเก็ตค่อนข้างมาก
โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักจะเป็นคนไทยที่ต้องการซื้อห้องชุดเก็บไว้เป็นบ้านหลังที่ 2 หรือบ้านพักตากอากาศ รวมถึงซื้อเพื่อการลงทุน และกลุ่มคนในท้องถิ่น ส่วนลูกค้าต่างชาติจะเป็นกลุ่มยุโรป รัสเซีย และอเมริกาเหนือ ซึ่งคาดว่าจะมีลูกค้าต่างชาติจองซื้อห้องชุดเต็มโควตา 49%
ปัจจุบันโครงการเลค อเวนิว ภูเก็ต ได้ผ่านการรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)เรียบร้อยแล้ว และได้ลงมือก่อสร้างในส่วนของการลงเข็มและฐานรากแล้ว โดยมีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จ และส่งมอบห้องชุดให้กับลูกค้าได้ช่วงปลายปี 2569 ส่วนงานขายจะเริ่มเปิดพรีเซลอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ คาดว่าในช่วง 3 เดือนแรกของการขายจะสามารถสร้างยอดได้กว่า 30% และก่อนปิดโครงการจะปรับราคาขึ้น 20%
นางสาวสุกัญญา ซึ่งมีประสบการณ์ในแวดวงธนาคารกล่าวว่า การแข่งขันของตลาดคอนโดฯ ในเมืองภูเก็ตค่อนข้างรุนแรง โดยเฉพาะในรัศมีไม่เกิน 2 กิโลเมตร จากที่ตั้งโครงการ มีโครงการของบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์เปิดขายอยู่ 3-4 โครงการ อาทิ โครงการ เดอะไทเทิล เลเจนดารี บางเทา ของ บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ในเครือแอสเซทไวส์, โครงการ โซ ออริจิ้น บางเทา บีช ของกลุ่มออริจิ้นฯ และโครงการเดอะ สแตนดาร์ด เรสซิเดนซ์ ภูเก็ต บางเทาของกลุ่มแสนสิริ
ขณะที่ โครงการเลค อเวนิว ภูเก็ต มีความได้เปรียบด้านราคาที่ถูกกว่าคู่แข่ง 15 -20% และมีพื้นที่ทะเลสาบอยู่ด้านข้างโครงการ ถือว่าเป็นโครงการแรกของเมืองภูเก็ต รวมถึงกลุ่มผู้บริหารโครงการที่เป็นคนในพื้นที่ภูเก็ตและทำธุรกิจมากว่า 20 ปี ทำให้มีความเข้าใจพื้นที่และความต้องการของกลุ่มคนซื้อในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี สำหรับแผนการลงทุนของบริษัทในอนาคต วางแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ในรูปแบบพูลวิลล่าราคาขายไม่เกิน 16 ล้านบาทในพื้นที่เชิงทะเล ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการเจรจาซื้อที่ดิน คาดว่าจะเปิดตัวโครงการได้ในช่วงปี พ.ศ. 2569
ข่าวอสังหาริมทรัพย์ภูมิภาค อื่นๆ