โรงแรม 'ค้าน' ต่างชาติถือครองคอนโด75%
Loading

โรงแรม 'ค้าน' ต่างชาติถือครองคอนโด75%

วันที่ : 25 มิถุนายน 2567
นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า สมาคมฯ "ไม่เห็นด้วย" กับที่รัฐบาลจะแก้กฎหมายให้ชาวต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมได้ถึง 75% เพราะจะเอื้อให้มีการปล่อยห้องเช่ารายวันแข่งกับโรงแรมมากขึ้น กระทบขีดแข่งขันและก่อให้เกิด "สงครามตัดราคา" ที่มีอยู่แล้ว รุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก!
   พรไพลิน จุลพันธ์

   กรุงเทพธุรกิจ

   'เสริมศักดิ์' หวั่นรายได้ท่องเที่ยวหลุดเป้า 3.5 ล้านล้าน

    กลายเป็นประเด็นฮอตทันที! หลังรัฐบาลมีแนวคิดกระตุ้นเศรษฐกิจผ่าน "ภาคอสังหาริมทรัพย์"หนึ่งในนั้นคือการปรับแก้กฎหมายให้"ชาวต่างชาติ" ถือกรรมสิทธิ์ "คอนโดมิเนียม" เพิ่มสัดส่วนจากไม่เกิน49% เป็น 75% แต่มีเงื่อนไขว่าชาวต่างชาติยังมีสิทธิ์โหวตได้แค่ 49% ส่วนคนไทยยังมีสิทธิ์โหวตส่วนใหญ่อยู่ที่ 51% เช่นเดิม โดยให้ "กระทรวงมหาดไทย" เร่งศึกษาความเป็นไปได้ในการแก้กฎหมายดังกล่าว

    เทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่าสมาคมฯ "ไม่เห็นด้วย" กับที่รัฐบาลจะแก้กฎหมายให้ชาวต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมได้ถึง 75% เพราะจะเอื้อให้มีการปล่อยห้องเช่ารายวันแข่งกับโรงแรมมากขึ้น กระทบขีดแข่งขันและก่อให้เกิด "สงครามตัดราคา" ที่มีอยู่แล้ว รุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก!

     "นอกจากโรงแรมในระบบที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายจะมีต้นทุนบริหารจัดการสูงกว่าโรงแรมนอกระบบ เช่น ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ฯลฯ ปัจจุบันมีโรงแรมที่พักในไทยเปิดขายห้องพักรายวันบนแพลตฟอร์มท่องเที่ยวออนไลน์ (OTA) กว่า 40,000 แห่ง เฉพาะโรงแรมในระบบมี 15,000-16,000 แห่งเท่านั้น ที่เหลือ 25,000 แห่งเป็นโรงแรมนอกระบบ หากการแก้กฎหมายได้รับความเห็นชอบจาก ครม. จะทำให้มีคอนโดมิเนียมมาปล่อยห้องขายรายวันแข่งกับโรงแรมมากขึ้น และกังวลว่าในสัดส่วน 25% ที่เหลือของคนไทย อาจมีนอมินีต่างชาติเข้ามาแทรกอีกด้วย"

      สมาคมฯอยากให้รัฐบาลพิจารณาแก้ไขปัญหา "ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง" ที่อยู่ระหว่างการทบทวน หลังส่งผลกระทบหลายอย่าง อาทิ "โรงแรมขนาดเล็ก" ที่ตั้งอยู่ในเขตสีลมและชิดลม ขายห้องพักได้ 1,000-2,000 บาทต่อคืน ไม่สามารถขยับราคาได้เหมือนโรงแรมที่ว่าจ้างเชนบริหาร แต่ต้องเสียภาษีที่ดินฯ ในอัตราสูงมากเพราะตั้งอยู่ในย่านที่มีราคาประเมินที่ดินสูง รวมถึงกรณีโรงแรมที่เปิดให้บริการบางส่วน เพราะลูกค้ายังกลับมาไม่เต็มที่จากผลกระทบโควิด-19 แต่ปัจจุบันต้องเสียภาษีที่ดินฯ เต็มอัตรา ต่างจากอดีตที่มีการเสียภาษีโรงเรือน พิจารณาจากรายได้ควบคู่ไปด้วย

      พร้อมกันนี้ สมาคมฯ ได้ทำหนังสือยื่นถึงกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการต่างประเทศ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แล้ว เพื่อให้พิจารณาเยียวยาผลกระทบจากกรณีบริษัท "FTI Touristik GmbH" ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกลุ่มบริษัท FTI GROUP ผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวสัญชาติเยอรมัน บริษัททัวร์รายใหญ่อันดับ 3 ในยุโรป ได้ยื่นล้มละลายต่อศาลแขวงนครมิวนิก ส่งผลให้โรงแรมในไทยได้รับผลกระทบร่วม เพราะกลุ่มบริษัทดังกล่าวยังมียอดค้างชำระเงินให้กับโรงแรมในไทยรวม 111 ล้านบาท ส่วนใหญ่ 90% เป็นโรงแรมในภาคใต้

      เมื่อเร็วๆ นี้ มีบริษัทนำเที่ยวของยุโรปอีกราย "ไอทราเวล" (ITravel) เพิ่งยื่นล้มละลายเช่นกัน เบื้องต้นประเมินว่าการล้มละลายของไอทราเวลคงไม่ส่งผลกระทบต่อโรงแรมในไทยหนักเท่ากรณี FTI Touristik GmbH เพราะลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลักชัวรี และโรงแรมไม่ได้ปล่อยห้องพักให้มากนัก โดย ททท. ได้แจ้งเตือนผู้ประกอบการไทยเฝ้าระวังปัญหานี้ต่อเนื่อง เพราะหากเกิดขึ้นแล้ว ย่อมเกิดความเสียหายตามมา

      ศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา ททท. กล่าวเสริมว่า ททท.ได้รับการร้องขอจากสมาคมโรงแรมไทยติดตามกรณี FTI Touristik GmbH และ ITravel และมีบริษัทใดเข้าข่ายมีปัญหาอีกบ้าง

     "การตรวจสอบลักษณะนี้ ต้องพึ่งเอกชนเป็นอันดับ 1 เพราะข้อมูลภายในของบริษัทเอกชนไม่ได้มีการเปิดเผยกันอยู่แล้ว หากผู้ประกอบการเอกชนพบปัญหาก็สามารถส่งข้อมูลมาให้ ททท.ได้ โดยจะมอบหมายให้ ททท.สำนักงานต่างประเทศที่มีอยู่ทั่วโลก ดำเนินการติดตามผลอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดซ้ำในอนาคต"

      เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ "ทิศทางการท่องเที่ยวของประเทศไทยและนโยบายในการส่งเสริมของภาครัฐ" บนเวทีการประชุมสมาชิกสมาคมโรงแรมไทย วานนี้ (24 มิ.ย.)ว่า ตามที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายสร้างรายได้รวมการท่องเที่ยว "3.5 ล้านล้านบาท"ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยให้ได้ 36.7 ล้านคน นับเป็นเป้าที่ใหญ่มาก!โดย 5 เดือนแรกปีนี้ทำรายได้รวมสะสม1.1 ล้านล้านบาท มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยเกือบ 15 ล้านคน

      "ช่วง 7 เดือนที่เหลือต้องทำรายได้อีก 2.4 ล้านล้านบาท และดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยให้ได้ 21.7 ล้านคน รับว่าวิตกกับเป้าหมาย แต่เมื่อได้รับภารกิจก็ต้องมุ่งมั่นทำเต็มที่"
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ