SA จ่อโอนปีหน้า5.5พันล.ดึงพันธมิตรปักหมุดภเก็ต
Loading

SA จ่อโอนปีหน้า5.5พันล.ดึงพันธมิตรปักหมุดภเก็ต

วันที่ : 12 ธันวาคม 2568
SA จ่อโอน 2 โครงการ มูลค่ารวม 5.5 พันล้านบาทในปีหน้า หนุนรายได้ฟื้นคืนชีพ แย้มอยู่ระหว่างขยายโครงการร่วมกับพันธมิตรต่างชาติไปจังหวัดภูเก็ต มูลค่ารวม 9 พันล้านบาท ฉายภาพอสังหาไทยยังชะลอตัว เร่งปรับกลยุทธ์เน้นตลาดซื้อเพื่อให้เช่า
   นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) หรือ SA เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบในปี 2569 คาดรายได้จะปรับตัวดีขึ้นกว่าปี 2568 เนื่องจากบริษัทมีโครงการที่สร้างเสร็จและเริ่มโอนในปีหน้า ได้แก่ ที่แฟชั่นไอส์แลนด์ 3,500 ล้านบาท และที่ทุ่งสองห้อง 2,000 ล้านบาท รวมมูลค่า 5,500 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/2569 โดยมี Backlog แล้วประมาณ 3,000 ล้านบาท

   ทั้งนี้บริษัทกำลังขยายโครงการไปที่จังหวัดภูเก็ต โดยกำลังเตรียมซื้อที่ดิน 2 แปลง คือ ที่บางเทา จำนวน 10 ไร่ และกมลา จำนวน 7 ไร่ เป็นการร่วมทุน (JV) กับพันธมิตรต่างชาติ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างเจรจา มูลค่ารวมประมาณ 9,000 ล้านบาท แบ่งเป็นบางเทาประมาณ 2,000 ล้านบาท และที่กมลาประมาณ 7,000 ล้านบาท

   ธนาคารไม่ปล่อยกู้

   ขณะที่ภาพรวมตลาดอสังหา ริมทรัพย์ในปีหน้ายังคงมีปัญหาเรื่องการปล่อยเงินกู้ของธนาคาร ทั้งสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อโครงการ ถึงแม้จะมีการลดดอกเบี้ยลง 0.25% แต่ถ้าธนาคารไม่ปล่อยกู้ก็ไม่มีความหมาย ส่งผลให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่ในประเทศไทยยังคงเผชิญกับปัญหาสภาพคล่อง

   ถึงแม้ว่าจะมีผู้ซื้อแต่เมื่อโดนปฏิเสธสินเชื่อ ทำให้ผู้ประกอบการต้องกลับมาขายใหม่ และแบกรับต้นทุนการตลาดและการขายที่สูงขึ้น ส่งผลต่อกำไรของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่จะลดลงอย่างแน่นอน อีกทั้งปัญหา สินเชื่อส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องกว่า 10 ธุรกิจ เช่น แรงงาน ผู้รับเหมา บริษัทขายเฟอร์นิเจอร์ และบริษัทก่อสร้าง

   รวมถึงผู้ประกอบการส่วนใหญ่ตัดสินใจชะลอโครงการใหม่ทั้งหมด ประกอบกับมีความเสี่ยงที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งจะล้มหาย โดยเฉพาะบริษัทที่ไม่สามารถระดมทุนผ่านหุ้นกู้ได้แล้ว ซึ่งบริษัทที่จะรอด คือ ลูกค้าชั้นดีที่ธนาคารต้องการให้ความช่วยเหลือ หรือลูกค้าที่มีความน่าเชื่อถือ และจ่ายหุ้นกู้ตรงเวลาตลอดซึ่งต้องได้รับการแก้ไข โดยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีผลกระทบต่อ GDP ไทยประมาณ 25% จึงเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการดึงเศรษฐกิจของประเทศไทย

   หวั่นอสังหาไทยถูกฮุบ

   อีกทั้งปัจจุบันยังมีกองทุนต่างชาติจำนวนมากเข้ามาซื้อทรัพย์สินราคาถูกในประเทศไทย หากรัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยไม่เข้ามา ดูแลอย่างจริงจัง ทรัพย์สินอสังหา ริมทรัพย์และโรงแรมในประเทศอาจจะถูกต่างประเทศซื้อกิจการไปในราคาถูก ซึ่งต่างชาติมองเห็นศักยภาพการท่องเที่ยวที่สูงมากของไทย และธุรกิจโรงแรมสร้างกระแสเงินสดได้อย่างสม่ำเสมอ

   โดยพื้นที่ที่ได้รับความสนใจจากการเข้าซื้อของต่างชาติ คือ พื้นที่ ท่องเที่ยว ได้แก่ กรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต และสมุย โดยมีข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล คือ ให้ค้ำประกันหนี้เสีย ซึ่งปัจจุบันอยู่ประมาณ 3-5% เพื่อกระตุ้นให้ธนาคารกล้าปล่อยกู้มากขึ้น การค้ำประกันหนี้เสียบางส่วนจะทำให้เงินเข้าสู่ตลาดได้ถึง 10-20 เท่าของเงินค้ำประกัน

   เน้นตลาดซื้อให้เช่า

   อย่างไรก็ดีบริษัทจึงเปลี่ยนมาเน้นตลาดนักลงทุนแทนที่จะเป็นตลาดซื้อเพื่ออยู่อาศัย ซึ่งบริษัทได้สร้าง "โปรแกรม Investage" โดยใช้ห้องพักเป็นหลักประกันและรับประกันผลตอบแทน 5%ต่อปี ซึ่งสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยผ่อนธนาคาร 3%

   และนักลงทุนไม่มีค่าใช้จ่ายในการดูแลห้องพัก ค่าส่วนกลาง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าซ่อมบำรุง หรือหาผู้อยู่อาศัย ซึ่งคาดการณ์ว่าปีหน้าจะมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคา และค่าตัด จำหน่าย (EBITDA) จากพอร์ตโรงแรมประมาณ 600 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่คาดว่าจะจบอยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาท
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ