อสังหา 'ภูเก็ต' ลงทุนพุ่งหนุนโตก้าวกระโดด! 'บันยันกรุ๊ป-ลากูน่า' ห่วงแผนพัฒนาเมือง
Loading

อสังหา 'ภูเก็ต' ลงทุนพุ่งหนุนโตก้าวกระโดด! 'บันยันกรุ๊ป-ลากูน่า' ห่วงแผนพัฒนาเมือง

วันที่ : 25 มิถุนายน 2567
บันยันกรุ๊ป เผยว่า เซ็กเมนต์ลักชัวรี แข่งไม่รุนแรงเหมือนเซ็กเมนต์กลางล่างที่มีความอ่อนไหวราคา เป็นข้อดีและไม่จำเป็นต้องใช้กลยุทธ์ราคา ซึ่งโครงการทั้งหมดที่อยู่ในลากูน่าไม่ว่าจะเป็นห้องยูนิตเล็กหรือวิลล่าหรู ล้วนมีราคาสูงกว่าคู่แข่ง 25-30%
         บุษกร ภู่แส

         กรุงเทพธุรกิจ


         ท่ามกลางแรงกดดันของความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ "เปลี่ยน" ผู้คนจากซีกโลกตะวันตกหันมาสนใจซีกโลกตะวันออก ทั้งในด้านการลงทุนและการซื้อที่อยู่อาศัย พร้อมพุ่งเป้าหมาย "ภูเก็ต" ซึ่งเป็นที่หมายปองของชาวต่างชาติ ต้องการมี "บ้านหลังที่สอง" เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยยอดขายอสังหาริมทรัพย์และรีสอร์ตในภูเก็ตเพิ่มขึ้น 2 เท่า! จาก 1,500 ยูนิต ที่ขายได้ในปี 2565 เป็นมากกว่า 3,000 ยูนิตในปี 2566 และยังคงเติบโตไม่หยุด สะท้อนถึงสถานการณ์การแข่งขันที่รุนแรงในภูเก็ตได้อย่างชัดเจน!

         โฮ กวงปิง หรือ KP ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการ บันยันกรุ๊ป และผู้สร้างอาณาจักร ลากูน่า ฉายภาพว่า การแข่งขันของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตมีความยากมากขึ้นกว่าเดิม! ไม่เพียงแต่ดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่จากกรุงเทพฯ อย่าง แสนสิริ แอสเซทไวส์ ศุภาลัย ที่เข้ามาปักหมุดขยายโครงการ แต่ยังมีผู้ประกอบการต่างชาติจากรัสเซีย

         แม้เกมแข่งขันดุเดือด ทว่า โฮ กวงปิง กลับมองว่าการแข่งขันเป็นเรื่องที่ดี ด้วย 2 เหตุผล เหตุผลแรก ภูเก็ตจะเป็นที่รู้จักมากขึ้นในหลายตลาด เป็นการกระตุ้นดีมานด์เพิ่มขึ้น เหตุผลที่สอง ทำให้คุณภาพของการพัฒนาโครงการสูงขึ้น

         ในฐานะผู้พัฒนารายใหญ่ มีความได้เปรียบในแง่ของต้นทุนและวัตถุดิบ นั่นคือ ที่ดินกว่า 3,000 ไร่ คาดว่าสามารถพัฒนาต่อไปได้อีก 20 ปี เพื่อรองรับการเติบโตของตลาด ข้อได้เปรียบสำคัญ คือ ต้นทุนที่ดินต่ำกว่าคู่แข่ง!! เพราะซื้อมานานและได้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมาหลายปีแล้วจึงง่ายต่อการพัฒนาโครงการใหม่ และกลายเป็นจุดขายสำคัญของโครงการที่แตกต่างจากคู่แข่ง ด้วย "อีโคซิสเต็ม" ในลากูน่าที่สะดวกต่อการเดินทาง มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจร รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัย รองรับลูกค้ากลุ่มลักชัวรี

         "เซ็กเมนต์ลักชัวรี แข่งไม่รุนแรงเหมือนเซ็กเมนต์กลางล่างที่มีความอ่อนไหวราคา เป็นข้อดีและไม่จำเป็นต้องใช้กลยุทธ์ราคา ซึ่งโครงการทั้งหมดที่อยู่ในลากูน่าไม่ว่าจะเป็นห้องยูนิตเล็กหรือวิลล่าหรู ล้วนมีราคาสูงกว่าคู่แข่ง 25-30% เรามีการสร้างแบรนด์หลากหลายเพื่อรองรับลูกค้าที่ต้องการอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรีในภูเก็ตทำให้เราแตกต่างจากคู่แข่ง เหมือนกับแนวคิดของ BMW ที่มีรถทุกขนาด ทั้งหมดอยู่ในระดับลักชัวรีและมีราคาสูง"

         จุดเปลี่ยนสำคัญของอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตเกิดขึ้นตั้งแต่วิกฤติโรคระบาดโควิด-19 ตามมาด้วย "สงครามยูเครน-รัสเซีย" ทำให้คนรัสเซียมาอยู่ภูเก็ตมากกว่ากรุงเทพฯ เหมือนที่คนเมียนมา มาอยู่กรุงเทพฯ แต่คนรัสเซียนิยมมาภูเก็ต จากก่อนหน้านี้เป็นกลุ่มคนจีน ที่เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ต ปัจจุบันตัวเลขของคนจีนในลากูน่าอยู่ในระดับ "คงที่" ไม่ลดลงแต่ก็ไม่เพิ่มขึ้น คาดว่าในอนาคตดีมานด์จากจีนจะกลับมาอีกครั้ง

         2-3 ปีที่ผ่านมา "ภูเก็ต" ก้าวสู่จุดหมายปลายทางระดับโลกอย่างแท้จริงเพราะมีผู้ซื้อมาจากทุกที่ทั่วโลก สิ่งที่น่าสนใจ คือ สนามบินจาก 67 เมืองทั่วโลกมี "ไฟลต์บินตรง" มายัง ขณะที่ "ผู้ซื้อ" เพิ่มขึ้นจากประเทศนึกไม่ถึง อย่างเช่น อุซเบกิสถาน คีร์กีซสถาน อินเดีย

         "แม้ว่าเราจะเป็นผู้พัฒนาขนาดเล็กแต่เรามีผู้จัดการฝ่ายขายในต่างประเทศมากกว่าผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อื่นในประเทศไทยซึ่งส่วนใหญ่เน้นขายให้กับคนไทย แต่เราขายให้ชาวต่างชาติ โดยมีตัวแทนใน 30 ประเทศทั่วโลก วางเป้าหมายภายใน 2 ปีจะมีตัวแทนขายในทุกเมืองที่มีไฟลต์บินตรงภูเก็ต"

         ทั้งนี้ ยุคหลังโควิด ทุกอย่างเปลี่ยนไป! เกิดการท่องเที่ยวภายในประเทศเพิ่มขึ้น หลังคนไทยที่เคยไปเที่ยวยุโรป มาเที่ยวภูเก็ต เกิดความประทับใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรีในภูเก็ต ระดับราคา 200-300 ล้านบาทมากขึ้น เริ่มมีคนไทยชนชั้นกลางสนใจเข้ามาซื้อมากขึ้นทั้งในรูปแบบของบ้านและคอนโดมิเนียมเพื่อเป็นบ้านหลังที่สอง ทำให้ดีมานด์อสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตเติบโตแบบก้าวกระโดด

         "ก่อนโควิดกลุ่มคนซื้อโครงการในลากูน่าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ 85% คนไทย 15% ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา 50% ของผู้ซื้อเป็นคนไทยที่ร่ำรวยเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ลักชัวรี ส่งผลให้ดีเวลลอปเปอร์จากกรุงเทพฯ เข้ามาลงทุนในภูเก็ตมากขึ้น"

         สำหรับกลุ่มบันยันทรี ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันในส่วนของอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างและขายได้ลงทุนไปแล้วกว่า 40,000 ล้านบาท ส่วนของโรงแรมลงทุน 14,000 ล้านบาท ในส่วนของอสังหาริมทรัพย์ที่เปิดขายมีอยู่ 12 โครงการ รวมมูลค่า 16,000 ล้านบาท

         "ลากูน่า ภูเก็ต" มีพื้นที่ 3,000 ไร่ มูลค่า 180,000 ล้านบาท มีการพัฒนาโครงการ 1ใน3 หรือ ประมาณ 1,000 ไร่ อนาคตเมื่อมีการพัฒนาพื้นที่ต่อเนื่อง ลากูน่าจะกลายเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่มีประชากร 80,000-100,000 คน

         มุมมองของผู้สร้างอาณาจักร "ลากูน่า" แม้ว่า ภูเก็ต จะเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ ของชาวต่างชาติ แต่การขยายตัวของดีมานด์ที่เพิ่มอย่างรวดเร็ว เป็นที่น่ากังวล! เพราะโครงสร้างพื้นฐานของภูเก็ตกำลังล้าหลัง โดยเฉพาะเรื่องการจราจร ที่ควรเร่งพัฒนาให้ทันกับการเติบโตของเมือง ดังนั้น มองว่าเห็นควรผลักดัน "ภูเก็ต" เป็นเขตปกครองพิเศษเหมือนกรุงเทพฯ และพัทยา เพื่อให้ภูเก็ตสามารถบริหารจัดการมีประสิทธิภาพทำให้มีเม็ดเงินเพิ่มขึ้นสามารถจัดเก็บภาษีไปยังส่วนกลางได้มากขึ้น
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ