CPN ดัน "ภูเก็ต" เทียบชั้น "ริเวียร่า-ฮาวาย"
Loading

CPN ดัน "ภูเก็ต" เทียบชั้น "ริเวียร่า-ฮาวาย"

วันที่ : 24 มิถุนายน 2567
CPN เผยว่า ภูเก็ต นับเป็นจังหวัดที่สร้างเม็ดเงินทางเศรษฐกิจเป็นอันดับที่ 2 รองจากกรุงเทพฯ ในปี 2566 ภูเก็ตสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวของจังหวัดถึง 380,000 ล้านบาท และในปี 2567 ตั้งเป้ารายได้จากการท่องเที่ยวที่ 450,000 ล้านบาท
          ลักชัวรีปักหมุด "ฟลอเรสต้า"
 

         เซ็นทรัลพัฒนา/CPN คิดใหญ่ จัดหนัก เดินเกม อัปเกรด ภูเก็ต เทียบชั้นเมืองท่องเที่ยวชายทะเลระดับเวิลด์คลาส อย่าง "ฮาวาย-ไมอามี-ริเวียร่า" ปูพรมระดมลงทุนต่อเนื่อง 4 ศูนย์การค้า, 5 ห้างสรรพสินค้า, 7 โรงแรม, 3 คอนโดมิเนียม มากว่า 20 ปีแล้ว เจาะลึกทำไมปักหมุดภูเก็ตเป็นรองก็แค่กรุงเทพฯ ล่าสุดขยายพื้นที่รองรับลักชัวรีแบรนด์ที่พาเหรดบุกเกาะภูเก็ตเปิดชอปหรู
 

         นอกเหนือจากกรุงเทพฯที่เป็นตลาดหลักแล้ว ภูเก็ตดูจะเป็นตลาดยุทธศาสตร์สำคัญลำดับที่สองที่ทางกลุ่มเซ็นทรัล ในนามของ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น /CPN ลงหลักปักฐานไว้อย่างแน่นหนา

         นับตั้งแต่เกือบ 20 ปีมาแล้วตั้งแต่ปี 2547 ที่ได้ผุดโครงการศูนย์การค้า เซ็นทรัลเฟสติวัล เป็นแห่งแรก ก่อนที่จะขยายอาณาจักรมาอย่างต่อเนื่อง

         ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ด้วยวิสัยทัศน์ของเซ็นทรัลพัฒนาในการบุกเบิกสร้างเมืองใหม่มาอย่างต่อเนื่อง ภูเก็ตก็เป็นอีกหนึ่งจังหวัดหลักที่มีความสำคัญ และเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งในด้านวิถีชีวิต การท่องเที่ยว อาหาร วัฒนธรรม ทะเล มีหลายอย่างผสมผสานกันอย่างลงตัว โดยเซ็นทรัล ภูเก็ต อยู่คู่กับคนในจังหวัดและเป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตมาตั้งแต่ปี 2547 ซึ่งเราได้เห็นถึงศักยภาพของเมืองและกำลังซื้อมหาศาลจึงได้ลงทุนที่ภูเก็ต"

         ทำไมภูเก็ต ถึงเป็นหัวใจธุรกิจที่ ซีพีเอ็น ต้องทะลวงอีกคำตอบที่สามารถสะท้อนได้ดีจากผู้บริหารอีกท่านคือ นางสาววิไลพร ปิติมานะอารี ผู้อำนวยการอาวุโสกลุ่มงานปฏิบัติการสาขาภูเก็ต บริษัทเซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ภูเก็ต นับเป็นจังหวัดที่สร้างเม็ดเงินทางเศรษฐกิจเป็นอันดับที่ 2 รองจากกรุงเทพฯ ในปี 2566 ภูเก็ตสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวของจังหวัดถึง 380,000 ล้านบาท และในปี 2567 ตั้งเป้ารายได้จากการท่องเที่ยวที่ 450,000 ล้านบาท โดยสิ้นปีนี้ คาดมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าภูเก็ตกว่า 12 ล้านคน คิดเป็นอันดับ 2 ของประเทศ รองจากกรุงเทพฯ

         "ภูเก็ต ถือเป็น "บ้านหลังที่สอง" ของเศรษฐีชาวไทยและต่างชาติ หรือ Asia's Richest Beach Residential ด้วย Infrastructure ที่พร้อมรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก ทั้งแผนขยายสนามบินภูเก็ต เฟส 2 ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2572 มีสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ โรงพยาบาล, โรงเรียนนานาชาติ, ท่าเรือยอชต์, สนามกอล์ฟ และ Private Jet เป็นต้น และเซ็นทรัล ภูเก็ต จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเติมเต็มเมืองตอบโจทย์ของภาครัฐที่ต้องการส่งเสริมเศรษฐกิจยั่งยืน ให้ภูเก็ตเป็น Hub ระดับโลกในหลายมิติ อาทิ Culinary, Medical & Wellness, Sport Tourism, education, Smart city, Marina และ MICE อีกด้วย"
 
         นี่คือปัจจัยหลักและสาเหตุที่ทำให้ ซีพีเอ็น ปักหมุด ภูเก็ต เป็นอีกหนึ่งภูมิศาสตร์เรือธงของการรุกธุรกิจ ค้าปลีก

         เพราะถึงวันนี้ ซีพีเอ็น ปูพรมธุรกิจที่ภูเก็ตชนิด ไม่หยุดหย่อนเลยทีเดียว

         ปัจจุบันกลุ่มเซ็นทรัลมีการลงทุนในภูเก็ตมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ ซึ่งธุรกิจที่เปิดบริการแล้ว ประกอบด้วย ศูนย์การค้า 4 แห่ง, ห้างสรรพสินค้า 5 แห่ง, โรงแรม 7 แห่ง, คอนโดมิเนียม 3 แห่ง รวมถึงธุรกิจอื่นๆ ในกลุ่ม อาทิ ซูเปอร์สปอร์ต, เพาเวอร์บาย, ไทวัสดุ, บีเอ็นบี โฮม, บีทูเอส, ออฟฟิศเมท, Tops Food Hall, Tops Market, Tops Daily, Tops Vita เป็นต้น อีกทั้งซีพีเอ็นยังมีศูนย์การค้าในภาคใต้ รวมทั้งหมด 5 แห่ง คือ เซ็นทรัล ภูเก็ต, สมุย, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช และหาดใหญ่ ต่อเนื่องมาถึงเซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า ศูนย์การค้าของซีพีเอ็นก็เกิดขึ้นที่ภูเก็ตเมื่อ 6 ปีที่แล้ว

         ดร.ณัฐกิตติ์ กล่าวว่า ภูเก็ตเป็นตลาดท่องเที่ยวชายทะเลที่สำคัญและเป็นตลาดที่มีอนาคต รวมทั้งเป็นตลาดที่มีศักยภาพอย่างมากไม่แพ้เมืองท่องเที่ยวชายทะเลทั่วโลกที่มีอยู่ เราจึงเปิดให้บริการเซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้าในปี 2561 เพื่อรองรับ Luxury Lifestyle เทียบชั้นเมืองชายทะเลระดับโลกอย่าง ริเวียร่า, ซานโตรินี, ไมอามี บีช และฮาวาย"

         ปฏิเสธไม่ได้ว่าเซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า ก็ประสบความสำเร็จไม่น้อย กับการเป็นหัวหอกในการรุกสู่การเป็นฮับของ World-class luxury mall แห่งเดียวใจกลางภูเก็ตด้วยแบรนด์ลักชัวรีระดับโลกมากมาย และเป็นจิ๊กซอว์ สำคัญของการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพจาก 'Quantity to Quality spending' ซึ่งเป็นนโยบายที่ทั้งภาครัฐ-เอกชนจะร่วมกันทำให้ภูเก็ต ไม่มีช่วงโลว์ซีซัน เที่ยวได้-จับจ่ายได้ตลอดทั้งปี โดยปัจจุบันศูนย์การค้าเติบโตต่อเนื่อง และมีทราฟฟิกดีกว่าช่วงก่อนโควิดถึง 30%"

         สำหรับปริมาณทราฟฟิกพบว่า เมื่อรวมทั้ง 2 ศูนย์การค้าของเซ็นทรัล คือ เซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า และเซ็นทรัล เฟสติวัล ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกัน ที่เปิดบริการมานานกว่า 20 ปีแล้วนั้น รวมกันจะมีประมาณ 80,000 คนต่อวัน หรือมากถึง 100,000 คนต่อวันในช่วงพีก แต่หากนับเฉพาะเซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า จะมีประมาณ 50,000 คนต่อวัน โดยสัดส่วนเป็นลูกค้าคนไทยประมาณ 30% และเป็นลูกค้าต่างชาติประมาณ 70%
 
         "นอกจากการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ ค้าปลีกแล้ว เรายังมีแผนที่จะจัดแกรนด์เซลหรือลดทั้งเกาะ อีกด้วย โดยจะร่วมมือกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งภาคเอกชนต่างๆ เพื่อผลักดันภูเก็ต และยกระดับภูเก็ตให้เทียบชั้นเมืองท่องเที่ยวชายทะเลดังๆ ของโลกอย่างที่กล่าวไว้ ซึ่งภูเก็ตมีอะไรที่ดีอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นด้านท่องเที่ยว มีทะเล มีภูเขา มีเศรษฐกิจ มีแหล่งพักผ่อน มีอาหาร ดีๆ ที่ไม่แพ้ที่อื่นเลย" ดร.ณัฐกิตติ์ กล่าวย้ำ
         
         เปิด 3 กลยุทธ์ดันเซ็นทรัล ภูเก็ต เป็น The World's Luxury Magnitude
 
         ดร.ณัฐกิตติ์ กล่าวถึงกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจที่ภูเก็ตด้วยว่า ซีพีเอ็น ดำเนิน 3 กลยุทธ์รุก ในการผลักดัน และขับเคลื่อน เซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า ให้ไปได้ไกลกว่านี้อีก

         กลยุทธ์ที่ 1: Exhibition of World-Class Luxury Brands

         1.1 เซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า เป็นแหล่งรวม 14 แบรนด์หรูชั้นนำ ครบที่สุดนอกกรุงเทพฯ ตอกย้ำเดสติเนชัน สำคัญที่แบรนด์ดังเลือกปักหมุด ได้แก่ BALENCIAGA, BOTTEGA VENETA, BURBERRY, CHRISTIAN LOUBOUTIN, DIOR, GUCCI, HERMศS, LOUIS VUITTON, OMEGA, PMT THE HOUR GLASS, SAINT LAURENT, VERSACE และ ZEGNA รวมถึง PRADA ที่เตรียมเปิดให้บริการในปีนี้
 
         1.2 Exclusive Beach Collection: รวม Exclusive item ที่จะมีแค่ในเมืองท่องเที่ยวชายทะเลระดับโลกอย่าง ซานโตรินี ไมอามีบีช ริเวียร่า ฮาวาย ซิดนีย์ ดูไบ ฮ่องกง

         1.3 ยอดขายดี ติดอันดับโลก: โดยหลายแบรนด์ประสบความสำเร็จมียอดขายติดอันดับสูงสุดที่เซ็นทรัล ภูเก็ต และในบางสินค้าสามารถทำยอดขายติดอันดับเป็น Top Rank ของโลก

         1.4 Store Expansion: หลายแบรนด์เตรียมขยายพื้นที่ร้านเกือบเท่าตัวภายในปลายปี 67 และจะมีแบรนด์ที่เตรียมจะเพิ่มขนาดร้านค้าให้ใหญ่กว่าเดิม

         1.5 Luxury Zone Expansion: เซ็นทรัล ภูเก็ต เตรียมขยายพื้นที่โซนลักชัวรี จากปัจจุบัน 2,000 ตร.ม. เป็น 8,000 ตร.ม. ในปี 2026 (4 เท่า) เพื่อรองรับการเปิดตัวของอีกหลากหลายแบรนด์ชั้นนำ

         ขยายพื้นที่รับลักชัวรีรวมกว่า 30 แบรนด์

         ซีพีเอ็นมีแผนขยายพื้นที่เพื่อรองรับกับการเปิดร้านลักชัวรีอินเตอร์แบรนด์เพิ่มขึ้น เพื่อตอกย้ำกับการเป็นศูนย์การค้า The World's Luxury Magnitude ที่สมบูรณ์ที่สุดใจกลางเมืองชายทะเลระดับโลก โดยจะขยายพื้นที่โซน ลักชัวรีจากปัจจุบันที่มีประมาณ 2,000 ตารางเมตร มี 14 แบรนด์ เพิ่มเป็น 4,000 ตารางเมตรภายในสิ้นปี 2567 นี้ เพื่อให้ร้านค้าลักชัวรีอินเตอร์แบรนด์เดิมส่วนใหญ่มีความต้องการขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นรองรับตลาดที่มากขึ้น

         อีกทั้งจะเพิ่มเป็น 8,000 ตารางเมตร ภายในปี 2569 เพื่อรองรับกับลักชัวรีอินเตอร์แบรนด์ใหม่ๆ ที่จะเข้ามาเปิดในศูนย์ฯ ซึ่งมีทั้งแบรนด์ที่ไม่เคยเข้ามาเปิดในเมืองไทยมาก่อนเลยก็มีด้วย

         "ขณะนี้มีทั้งที่อยู่ระหว่างการเจรจาและที่เจรจาเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ โดยเมื่อแผนการขยายพื้นที่แล้วเสร็จจะมีจำนวน ลักชัวรีอินเตอร์แบรนด์รวมกันประมาณมากกว่า 30 แบรนด์ หรือเพิ่มขึ้นถึงสองเท่า" ดร.ณัฐกิตติ์ กล่าวอย่างมั่นใจ
 
         ทั้งนี้ ฐานข้อมูล The1 ชี้ให้เห็นว่าลูกค้าของเซ็นทรัล ภูเก็ต มียอดใช้จ่ายต่อคนสูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ของศูนย์การค้าเซ็นทรัลพัฒนาทั่วประเทศ โดยลูกค้า Wealth Segment ที่เซ็นทรัล ภูเก็ต มีการใช้จ่ายสูงกว่าลูกค้า Wealth ของสาขาอื่นๆ ถึง 45% สะท้อนการเติบโตของตลาดสินค้าลักชัวรีในไทยที่ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดประมาณ 1.6 แสนล้านบาท โดยตลาด Luxury ไทยขยายตัวถึง 5.62% จนถึงปี 2028 คาดว่าจะแซงหน้าตลาดสิงคโปร์

         กลยุทธ์ที่ 2: Experience the Exceptional

         2.1 เซ็นทรัล ภูเก็ต มอบประสบการณ์ระดับไฮเอนด์ ที่ดีไซน์เฉพาะกลุ่มลูกค้า VVIP อาทิ Club ที่มี Luxury Services สำหรับ VVIP ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกระดับ Tycoon & Millionaire กว่า 2,300 คน ที่จะได้รับสิทธิพิเศษมากมาย อาทิ Butler แห่งแรกในไทย, บริการ Luxe Limo Service และ Excusive Dining ที่ Su Va Na Restaurant เป็นต้น

         2.2 The Ultimate Dining Experience จากร้านดังมากมาย อาทิ Su Va Na Restaurant เพลิดเพลินและดื่มด่ำไปกับอาหารเลิศรสจากเชฟชื่อดังอย่าง "Chef Atanu" ทีมเชฟที่รังสรรค์เมนูรสชาติสุดพิเศษที่ไม่ เหมือนใคร Fine Dining จากวัตถุดิบที่ดีที่สุดจากทั่วโลก ท่ามกลางบรรยากาศใต้น้ำแห่งเดียวในไทยที่เพิ่งได้รางวัล 'TOP25 Restaurants Awards Phuket 2023' และล่าสุด ได้รับเสนอชื่อเข้าชิงเป็น Top 3 ร้านอาหารใต้น้ำที่ดีที่สุด แข่งขันกับ ดูไบ กับ นอร์เวย์, ร้าน Thai Brasserie By Blue Elephant ที่ได้รับการออกแบบร่วมสมัย และมีชีวิตชีวาพร้อมกับอาหารไทยที่สร้างสรรค์ โดยเชฟชื่อดังภายใต้การดูแลของเชฟนูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้ มาสเตอร์เชฟของบลู เอเลเฟ่นท์, Starbucks Reserve ใหญ่ที่สุดในภูเก็ต รวมไปถึง %Arabica และ Haidilao สาขาแรกนอกกรุงเทพฯ

         World-class Attraction เพลิดเพลินกับ Aquaria Phuket อควาเรียมล้ำสมัยที่ดีที่สุดในภูเก็ตและเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย รายล้อมไปด้วยสัตว์ทะเลกว่า 25,000 ตัว และ 'Tales of Thailand' จำลองสถาปัตยกรรมและวิถีชีวิตชาวไทยทั้ง 4 ภาค ในรูปแบบร่วมสมัย โดยมี ไฮไลต์คือตลาดน้ำจำลองขนาดใหญ่ที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศไทย และยังมีร้าน 'Good Goods' จำหน่ายสินค้าสะท้อนเอกลักษณ์ไทย

         Exquisite Design การออกแบบที่ผสมผสานเรื่องราวของวรรณคดีและงานสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ รวมถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติและเสน่ห์ของเมืองภูเก็ต ภายในศูนย์การค้า จึงมี Photo Attraction หลายจุดที่น่าดึงดูด เช่น 'Cocoon' ส่วนโค้งของโครงเพดานที่ได้แรงบันดาลใจจากวิถีประมงและมีกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมชิโน-โปรตุกีส 'The Great Epic' จำลองประติมากรรมจากเรื่องรามเกียรติ์ นำเสนอการต่อสู้ระหว่างพระรามและทศกัณฐ์ ที่มีขนาดใหญ่ถึง 2 ชั้น และ 'Rakang' หรือระฆังที่ออกแบบให้มีสัดส่วนอิงตามแบบโบราณ พร้อมกับมีความร่วมสมัย

         นอกจากนี้เซ็นทรัลภูเก็ต ยังรวมแบรนด์ Lifestyle ระดับโลกที่ขยายสาขาออกนอกกรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก เช่น COACH, KATE SPADE, KENZO, MICHAEL KORS, SAMSONITE, LUSH เป็นต้น

         กลยุทธ์ที่ 3: Excite the World สร้างสรรค์อีเวนต์และเทศกาลระดับโลกจัดต่อเนื่องตลอดทั้งปี เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก เช่น เทศกาลสงกรานต์, Pride Month, Countdown และยังรวมไปถึง Art exhibition ที่รวบรวมศิลปินแถวหน้าจากทั่วโลก ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาเพิ่มสีสันทุกเดือน ให้ภูเก็ตเป็น Art Destination Landmarks

         "ทั้งหมดนี้จะช่วยตอบโจทย์ของภาครัฐที่ต้องการส่งเสริม Sustainable Economy ให้ภูเก็ตเป็น Hub ระดับโลกในหลายด้าน อาทิ Culinary, Medical & Wellness, Sport Tourism, education, Smart city, Marina และ MICE อีกด้วย" ดร.ณัฐกิตติ์ กล่าว
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ