ดันกระตุ้นอสังหาฯ...ผ่อน LTV ถึงปี 68 บ้านหลังแรก-LTR Visa
Loading

ดันกระตุ้นอสังหาฯ...ผ่อน LTV ถึงปี 68 บ้านหลังแรก-LTR Visa

วันที่ : 14 กุมภาพันธ์ 2567
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) คาดการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2567เติบโต ประมาณ 5-10% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาหากไม่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน อย่างไรก็ตาม ที่อยู่อาศัยไม่เกิน 3 ล้านบาทยังคงน่ากังวลเนื่องจากถูกปฏิเสธสินเชื่อสูง
         "บิ๊กเนมหนุนรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นตลาดที่อยู่อาศัยหลัง 7 องค์กรอสังหาฯ ยื่น 8 ข้อ เอสซีแอสเสท ขอข้อ 7 ผ่อนปรน LTV ปี67-68 ออริจิ้น ดัน LTR Visa ลลิล บ้านหลังแรกดอกเบี้ยต่ำ ด้านสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านลดภาษีล้านละหมื่น"

        ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ คาดการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2567เติบโต ประมาณ 5-10% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาหากไม่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน อย่างไรก็ตาม ที่อยู่อาศัยไม่เกิน 3 ล้านบาทยังคงน่ากังวลเนื่องจากถูกปฏิเสธสินเชื่อสูง และอาจฉุดกำลังซื้อในตลาดชะลอตัวประกอบกับดอกเบี้ยนโยบายแม้จะทรงตัวแต่ยังคงอัตราที่สูงและปัจจุบันยังไม่พิจารณาปรับลดลง

       ดังนั้นรัฐบาลควรเร่งออกมาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาฯ ซึ่งเป็นตัวช่วยสำคัญที่7องค์กรอสังหาฯ เสนอข้อเรียกร้อง 8 ข้อ ต่อนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาถึงข้อเรียกร้องที่เป็นไปได้ ตั้งแต่ต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยแนวโน้มที่เป็นไปได้ คือสนับสนุนบ้านหลังแรกดอกเบี้ยต่ำ ผ่านธนาคารของรัฐ รวมถึงบ้านบีโอไอ ราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท หลังจากกระทรวงการคลังขยายเวลาลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ และจดจำนองออกไปอีก 1 ปี ตั้งแต่สิ้นปีที่ผ่านมา รวมถึงวีซ่าฟรีไทย-จีนถาวรที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่1 มีนาคม ที่จะถึงนี้

          นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยผ่านธุรกิจอสังหาฯ ที่ 7 สมาคมอสังหาฯ นำเสนอไว้ทั้งหมด 8 ข้อ โดยขอสนับสนุน มาตราการข้อ 7 ที่ขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผ่อนปรน LTV (Loan to Value Ratio อัตราส่วนที่ธนาคารสามารถให้สินเชื่อได้ เมื่อเทียบกับราคาบ้านที่ซื้อ ปี 2567-2568 ให้เหมือนกับที่ผ่อนปรนในช่วงปี 2565 เพื่อช่วยกระตุ้นกำลังซื้อที่อยู่อาศัยที่กำลังชะลอตัว และจะส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศดีขึ้น

        เช่นเดียวกับ นายเกรียงไกร กรีบงการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น เวอร์ติเคิล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในเครือบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ที่ระบุว่า คาดการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยปีนี้อยู่ในภาวะทรงตัวเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และมองว่า ต้องมีตัวช่วยอย่างมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาฯเร่งด่วน ทั้งการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองและวีซ่าฟรีจีนซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการแล้วแต่สิ่งที่ออริจิ้น เสนอและต้องการให้เกิดขึ้น คือ Long-Term Resident Visa (LTR)เพื่อจูงใจให้ต่างชาติเข้ามาพำนักอยู่ในไทยระยะยาว

       "เข้าใจว่า รัฐบาลต้องใช้เวลา และพยายามช่วยภาคเอกชนตลอดจนคนซื้อที่อยู่อาศัย โดยภาพรวมคอนโดมิเนียม ปีนี้ยังทรงตัว อย่างไรก็ตามบริษัทมีความระมัดระวังในการเปิดตัว โดยประเมินเป็นรายไตรมาส ขณะการปฏิเสธสินเชื่อคอนโดมิเนียม ของออริจิ้น ยอมรับว่ามีประมาณ 20-25% ขณะตลาดในภาพรวมถูกปฏิเสธสินเชื่อสูงถึง60-65%"

        สอดคล้องกับ นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) สะท้อนว่า ตลาดที่อยู่อาศัย ปีนี้ผ่านจุดต่ำสุดและมีแนวโน้มเติบโตไปในทิศทางที่ดี แต่ทั้งนี้ยังมีผลกระทบจากการปฏิเสธสินเชื่อสำหรับกลุ่มกำลังซื้อที่มีหนี้ครัวเรือนสูง ซึ่งบริษัทได้ คัดกรองช่วยเหลือลูกค้าเพื่อเข้าถึงสินเชื่อ

        สำหรับมาตรการที่ต้องการให้รัฐบาลสนับสนุน คือ บ้านหลังแรกดอกเบี้ยต่ำ เพื่อช่วยผู้บริโภคมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองมากขึ้น

         นายโอฬาร จันทร์ภู่ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวว่า ขอสนับสนุนมาตรการกระตุ้นตลาดรับสร้างบ้านลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นการถาวร "ล้านละหมื่น" เงื่อนไขนำสัญญาจ้างเหมาก่อสร้าง ตามเอกสารอากรแสตมป์ (อ.ส.4) เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดาในรอบภาษีปีถัดไป

         อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 10 มกราคม ที่ผ่านมา 7 องค์กรอสังหาฯเข้าพบ นายกรัฐมนตรีหารือและยื่นข้อเสนอกระตุ้นธุรกิจอสังหาฯ 8 ข้อ โดยมี นายอิสระ บุญยัง ประธานคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเป็นหัวหน้าคณะ

         ทั้งนี้จากการหารือนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าสถานการณ์ตลาดอสังหาฯเกิดการชะลอตัวอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2562 และเห็นว่าเป็นปัญหาสำคัญต้องเร่งแก้ไข

        สำหรับข้อเสนอ 8 ข้อ ได้แก่

        1. ลดค่าโอนเหลือ 0.01% จากล้านละ1หมื่นเหลือล้านละร้อย หรือลดค่าโอนจากปัจจุบัน 1% เหลือ 0.01% ขณะค่าจดจำนอง ได้รับการลดหย่อนอยู่แล้วที่ 0.01% เงื่อนไขที่ขอลดหย่อน กำหนดไว้สองทางเลือก คือ ทางเลือกที่ 1 บ้านทุกระดับราคา จะได้รับลดหย่อนใน 3 ล้านบาทแรกทางเลือกที่สองขยายเพดานลดหย่อนให้คลุมบ้านราคา 5-7ล้านบาท

        2. สร้างบ้านบนที่ดินตนเอง หรือธุรกิจรับสร้างบ้านลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาล้านละ 1 หมื่น สูงสุดไม่เกิน 1 แสนบาท

       3.ฟื้นบ้านหลังแรก สำหรับผู้มีรายได้ปานกลางถึงรายได้น้อยรัฐบาลสนับสนุนดอกเบี้ยพิเศษ 3% นาน 5 ปี และได้สิทธิ์ลดค่าโอน-จดจำนองถาวรนอกจากนี้ ขอให้สานต่อโครงการบ้านดีมีดาวน์ ของรัฐบาลประยุทธ์ โดยรัฐช่วยสนับสนุนเงินดาวน์จาก 5 หมื่นบาทเป็น 1 แสนบาท และฟื้นบ้านบีโอไอ ราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท ในอัตราดอกเบี้ยต่ำซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) มีความต่อเนื่องถาวร

       4. เสนอลดขนาดพื้นที่บ้านลงโดยบ้านเดี่ยวจาก 50 ตารางวา เหลือ 35ตารางวา, บ้านแฝดจาก 35 ตารางวาเหลือ 28 ตารางวา, ทาวน์เฮ้าส์ จาก 16 ตารางวาเหลือ 14 ตารางวา

      5.ลดหย่อนค่าใช้จ่ายจากภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างลง 50%

      6.ขยายเวลาต่างชาติเช่าที่ดินไทยจาก 30 ปีเป็น 50 ปี และมี Long-term Visa ซื้อที่อยู่อาศัย 10 ล้านบาท ได้วีซ่า 10 ปี/ไม่เกิน 5 ล้านบาท วีซ่า 4-5 ปี

      7.นำมาตรการ LTV กลับมาใช้ปี 2567 อีก 1 ปี และ

      8.ผ่อนผันที่ดินที่อยู่ระหว่างจะซื้อจะขายยื่นอีไอเอได้