พฤกษาฯ รุกอสังหาฯปี67 ทุ่ม3หมื่นล.ขึ้น30โปรเจกต์ ผุดบ้านหรู50ล.ปักหมุดในเมือง
Loading

พฤกษาฯ รุกอสังหาฯปี67 ทุ่ม3หมื่นล.ขึ้น30โปรเจกต์ ผุดบ้านหรู50ล.ปักหมุดในเมือง

วันที่ : 2 มกราคม 2567
PSH ระบุว่า กำลังซื้อโดยรวมของปี 2567 จะชะลอตัวมากกว่าปี 2566 ที่ยังถือว่ามีการเติบโต ไม่ใช่ว่าไม่มี แต่สำหรับปี 2567 การเติบโตจะไม่เท่ากับปีนี้

                

      "พฤกษา โฮลดิ้งฯ" เปิดสเต็ปการรุกธุรกิจอสังหาฯปี "มังกรทอง" ปี 2567 "ซีอีโอใหญ่" อุเทน โลหชิตพิทักษ์ วิเคราะห์ มีหลายปัจจัยล้วนส่งผลกระทบกับตลาดอสังหาฯต่อในปีใหม่นี้ มีความท้าทายรออยู่ “เป็นปีที่ไม่ง่าย” วอนรัฐสานต่อมาตรการ ดูแลผู้มีรายได้น้อยซื้อบ้าน สินเชื่อเพื่อซื้อบ้านสีเขียว โครงการบ้านล้านหลัง พร้อมลุยต่อ 'บ้านกรีนเฮ้าส์' เจาะตลาดกลุ่มผู้ซื้อ 1.29-1.5 ลบ.เพิ่มอีก 6 โครงการ ร่วมทุนกับบริษัทสิงคโปร์ พัฒนา'พรีคาสท์คาร์บอนต่ำ' ด้าน "ปิยะ ประยงค์" ระบุ ถึงเวลาที่พฤกษาฯจะใหญ่ขึ้น ทุ่ม 5,000 ลบ.ซื้อที่ดินเข้าพอร์ต ลุยเปิด 20-30 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 30,000 ลบ. เติมเต็มกับเทรนด์บ้านสุขภาพ เปิดบ้านเดี่ยวแบรนด์ใหม่ทำเลในเมือง เคาะขาย 20-30 ลบ. รับกลุ่มกำลังซื้อสูง ฐานรายได้ 1 แสนบาทขึ้นไป ด้านธุรกิจทาวน์เฮาส์ พร้อมยกระดับราคา ขยับเข้าเมือง เปิดโครงการราคาใกล้ 3 ลบ.
 

        บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH หนึ่งในผู้นำในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีสินทรัพย์รวมไม่ต่ำกว่า 71,000 ล้านบาท รายได้รวม 19,900 ล้านบาท มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดระดับ 26,480 ล้านบาท (ตามงบ 9 เดือนของปี 2566) ซึ่งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พฤกษา โฮลดิ้งฯ ได้มีการปรับกระบวนทัพทางธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากปรับโปรดักส์ที่อยู่อาศัยในกลุ่มระดับราคากลางถึงบนมากขึ้น พร้อมกับการขยายไปสู่ธุรกิจ ”น่านน้ำ” ใหม่ ที่มีศักยภาพสูงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงพยาบาล ภายใต้แบรนด์ 'วิมุต' เปิดให้บริการมาแล้ว 2 ปี กับ 7 เดือน (เปิดให้บริการเมื่อเดือนพ.ค.2564) รวมถึงการปรับโครงสร้างองค์กร โดยมีการแยกหน่วยธุรกิจพรีคาสท์ออกมา จัดตั้ง “บริษัท อินโน พรีคาสท์ จำกัด” เพื่อประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายพรีคาสท์ มีโรงงานพรีคาสท์สีเขียว (Green Factory) แห่งแรกของไทย ให้สอดคล้องกับภาพรวมธุรกิจอสังหาฯ และผลงานล่าสุด กับการขยายพอร์ตการลงทุนในธุรกิจโลจิสติกส์ โดยนโยบายที่จะ Go ไปข้างหน้า ได้ตั้งเป้ามีสินทรัพย์ 100,000 ล้านบาท ที่สามารถสร้างรายได้ต่อเนื่อง (recurring income) ได้มากกว่า 25% ภายในปี พ.ศ. 2571
 

         แต่อย่างไรก็ตาม ธุรกิจการพัฒนาที่อยู่อาศัยนั้น แม้ในอนาคตสัดส่วนจะลดระดับลงอยู่ระดับ 50% ของพอร์ตรวมของพฤกษา โฮลดิ้งฯ แต่ในปัจจุบัน ก็ยังเป็น Core Business อยู่
 

         สำหรับทิศทางและภาพรวมในตลาดอสังหาริมทรัพยในปี 2567 (ปีมังกรทอง)นั้น ในสายตาและมุมมองของ นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวสะท้อนให้เห็นว่า จากการประเมินปัจจัยต่างๆ นานาแล้ว เห็นกำลังซื้อโดยรวมของปี 2567 จะชะลอตัวมากกว่าปี 2566 ที่ยังถือว่ามีการเติบโต ไม่ใช่ว่าไม่มี แต่สำหรับปี 2567 การเติบโตจะไม่เท่ากับปีนี้
 

         เหตุผลสำคัญที่มองเช่นนั้น นายอุเทน ฉายภาพให้เห็นเป็นฉากๆว่า กำลังซื้อได้ถูกดูดซับ ( Absorb) ไปมากพอควรในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา (12 เดือน) ขณะที่วัสดุก่อสร้างและต้นทุนทางการเงิน (ดอกเบี้ยนโยบายปรับขึ้น) ได้มีการปรับตัวขึ้น รัฐบาลกำลังสนับสนุนในการปรับค่าแรงขั้นต่ำ ต้นทุนในการก่อสร้างบ้านจะปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ ภาคธุรกิจยังต้องเผชิญกับภาวะต้นทุน จากค่าไฟ ค่าน้ำมัน ภาวะสงครามที่เกิดขึ้น การค้าการส่งออกที่ชะลอตัวลง เพราะเศรษฐกิจโลกไม่ว่าจะเป็นฝั่งยุโรปหรืออเมริกา มีการพูดกันถึง recession ที่เกิดขึ้น รวมทั้งจีน ที่เริ่มเห็นผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ทำให้คนจีนเดินทางท่องเที่ยวลดน้อยลง (กระทบถึงภาคท่องเที่ยวไปทั่วโลก) 

        "ปัจจัยทุกอย่างที่กล่าวมา มีผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาฯ เป็นความท้าทายที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ (2567) ซึ่งเป็นปีที่เรามองว่าไม่ใช่ปีที่ง่าย แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีความหวัง เพียงแค่ว่า อัตราการเติบโตอาจจะไม่เท่ากับปี 2566 เท่านั้นเอง"
 

        วอนรัฐสานต่อมาตรการ ดูแลผู้มีรายได้น้อยซื้อบ้าน
 

        อย่างไรก็ตาม บอสใหญ่จากค่ายพฤกษา เห็นว่า มาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลพยายามออกมาเพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพ ไม่ว่าจะเป็นการลดค่าไฟ ค่าพลังงาน การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ โครงการบ้านล้านหลัง (ธอส.รับผิดชอบในการปล่อยสินเชื่อ) เพื่อช่วยให้คนมีรายได้น้อยกู้ซื้อบ้านในอัตราดอกเบี้ยต่ำ สินเชื่อเพื่อซื้อบ้านสีเขียว (Green Loan) ถือว่าเป็นมาตรการช่วยเหลือประชาชน ช่วยเหลือสังคม และภาคธุรกิจ จึงอยากจะให้รัฐบาลสนับสนุนมาตรการเหล่านี้ต่อไป เพราะเป็นเรื่องที่สังคมได้ประโยชน์ ขณะที่ผู้ประกอบการก็สามารถนำมาตรการต่างๆ เหล่านี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์กับธุรกิจ


       "วันนี้ เราก็ต้องปรับตัวออกสินค้าใหม่ ที่ตอบโจทย์กำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดน้อยลง โดยการนำแนวคิดบ้านกรีนเฮ้าส์ในราคาเริ่มต้น 1.29-1.5 ล้านบาท มาเริ่มโครงการนำร่องในปี 2566 และจะมีเพิ่มขึ้นในปี 2567"
 

        บ้านกรีนเฮ้าส์ เป็นแนวคิดการพัฒนาบ้านเสมือนทาวน์เฮาส์ ที่ลดทอนบางส่วนที่เกินความจำเป็นออกไป แต่ผู้บริโภคยังคงได้ที่อยู่อาศัย 2 ชั้น 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ จอดรถ 1 คัน มีสมาร์ท โฮม มีสมาร์ทโซลาร์ มีอีวี ชาร์จ และมีสวนส่วนกลางขนาดใหญ่ในราคาเริ่มต้น 1.29 ล้านบาท สามารถรองรับคนที่ต้องการซื้อทาวน์เฮ้าส์ราคา 2 ล้านบาท ผ่อนเดือนละ 7,000-8,000 บาท แต่กู้ไม่ผ่าน บ้านกรีนเฮ้าส์ผ่อนเพียงเดือนละ 3,000-5,000 บาท ก็สามารถตอบโจทย์ให้กับคนกลุ่มนี้ได้ ซึ่งโครงการนำร่องถือว่าได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้าภายใน 2 วันเราสามารถขายไปได้ถึง 75%
 

       “ถือเป็นส่วนหนึ่งที่เราอยากจะคืนกลับให้สังคม และเป็นจุดแข็งของพฤกษาเองที่จะเดินต่อ หลังจากมีโครงการนำร่องออกมาในปี 2566 ในปี 2567 จะเปิดบ้านกรีนเฮ้าส์อีก 6 โครงการใหม่ในกทม.-ปริมณฑล ส่วนโครงการใหม่ในปี 2567 เราเตรียมเอาไว้ไม่น้อยกว่าปี 2566 ซึ่งจะทำให้ในปี 2567 ที่เรามองว่าจะเป็นปีที่ยาก เราก็คงจะไม่ลำบากเหมือนที่คาดการณ์กันไว้” นายอุเทนกล่าว
 

        ทุ่ม 30,000 ลบ.ลุยพัฒนา 20-30 โครงการใหม่
 

        นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ในเครือ บมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง (PSH) เปิดเผยว่า ในปี 2567 มีหลายปัจจัยต้องมาวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์ เนื่องจากเราให้ความสำคัญกับเรื่อง การเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของประเทศไทย รวมถึงภาคท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวชาวจีน ยังกลับมาไม่เต็มที่ ซึ่งจะมีผลต่อตลาดกลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัยระดับล่างได้ เนื่องจากสินค้าของพฤกษาที่ราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท มีสัดส่วนประมาณ 30% แต่ปรับลดลงมาเหลือจาก 60-70% ดังนั้น การฟื้นตัวของจีดีพี จะมีผลต่อกำลังซื้อในกลุ่มนี้อย่างมาก แต่เซกเมนต์ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยระดับกลางไปจนถึงระดับบน น่าจะดีได้อยู่ และเป็นตลาดที่ พฤกษาจะให้ความสำคัญในการขยายตลาด ไปพร้อมๆกับการใส่เรื่องนวัตกรรมเกี่ยวกับสุขภาพเข้าไปให้บริการกับลูกค้าด้วย
 

        สำหรับเรื่องของแผนการลงทุนในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ปี 67 จะมีการเปิดอย่างน้อย 20-30 โครงการ มูลค่าประมาณ 20,000-30,000 ล้านบาท ซึ่งเรายังคงมีการพัฒนาโครงการ แต่จะให้สอดคล้องกับนโยบายหลักในเรื่องการปรับพอร์ตอสังหาฯให้เหมาะสมกับธุรกิจใหม่ สัดส่วนอสังหาฯอยู่ประมาณ 50% จากปัจจุบันอยู่ที่ 70% ของทั้งกลุ่มพฤกษาฯ
 

       เปิดแบรนด์ใหม่ บุกบ้านเดี่ยวในเมือง ขาย 30-50 ลบ.
 

       ทั้งนี้ ได้วางเป้าหมายที่จะขยายในกลุ่มบ้านเดี่ยวราคาแพงมากยิ่งขึ้น โดยจะเติมเต็มเรื่องของเทรนด์สุขภาพให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า แบรนด์หลักตลาดบ้านเดี่ยว เช่น THE PALM และจะมีการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ "พาราเทีย" ทำเลในเมือง ระดับราคาประมาณ 30-50 ล้านบาท เพื่อรองรับตลาดในกลุ่มที่มีศักยภาพสูง
 

       "ตลาดคอนโดมิเนียมในปี 2567 คิดว่าตลาดในกลุ่มระดับราคา 2-5 ล้านบาท ยังมีแนวโน้มที่เติบได้อยู่ เป็นตลาดของกลุ่มคนเจน Z คนรุ่นใหม่ ที่นิยมจะอยู่กัน ส่วนตลาดที่ยังดี เป็นบ้านเดี่ยวราคา 10-30 ล้านบาท เป็นกลุ่มชนชั้นกลาง ที่มีฐานรายได้ตั้งแต่ 100,000 บาทขึ้นไป ที่ยังมีความต้องการซื้ออยู่ แต่หากราคาบ้านเดี่ยว 30 ล้านบาทขึ้นไป จะมีตลาดของชาวต่างชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง "นายปิยะ กล่าวกับ"ผู้จัดการรายวัน360องศา"
 

        ทุ่มครึ่งหมื่นลบ.ถึงเวลาลุยซื้อที่ดินเข้าพอร์ต
 

        นายปิยะ กล่าวว่า ในปี 2567 พฤกษาฯ วางงบในการลงทุนซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการใหม่ประมาณ 5,000 ล้านบาทบวกลบ โดยสามารถจัดหาที่ดินเพิ่มขึ้นได้เป็น 30 แปลง จากในปี 2566 ได้ที่ดินเข้ามาประมาณ 10 กว่าแปลง เนื่องจากในรอบหลายปีที่ผ่านมา พฤกษามีการจัดการปัญหาต่างๆ เคลียร์ตนเองจนผอมแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาที่เราจะมาใหญ่ขึ้นแล้ว
 

        ยกระดับราคาทาวน์เฮาส์ ไต่ราคาใกล้ 3 ลบ.
 

        นายธีระ ทองวิไล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์ บมจ. พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด กล่าวกับผู้สื่อข่าวถึงผลงานของกลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์ในรอบปี 2566 ว่า มีหลายโครงการที่สามารถปิดการขายและโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าเข้าอยู่อาศัยได้ และเพื่อความต่อเนื่องในการสร้างผลงาน ในแผนปี 2567 จะมีทั้งการเปิดโครงการใหม่ในเบื้องต้น 10 โครงการ มูลค่าการขายโครงการละ 300 ล้านบาท รวมมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยจะมีการปรับโปรดักส์กลุ่มทาวน์เฮาส์ในราคาที่สูงขึ้น จากเดิมราคาขายในกลุ่มทาวน์เฮาส์ในปี 2566 ประมาณ 2.5 ล้านบาท จะขยับขึ้นไปใกล้ๆ 3 ล้านบาท จะมีทำเลการเปิดโครงการใหม่ที่เข้าเมืองมากขึ้น

      "ที่ขยับไปทำราคาสูงขึ้น เนื่องจากต้องการยกระดับโปรดักส์ของกลุ่มทาวน์เฮาส์ ไปพร้อมกับการขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ โดยยังไม่มีการรีแบรนด์ แต่ยังคงเป็นแบรนด์ที่พฤกษามีอยู่ เช่น คอนเนค และ พาซิโอ เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเรามองว่า ตลาดทาวน์เฮาส์ในปี 2567 จะทรงๆตัว เพราะเท่าที่ดู ยอดพรีเซลของตลาดรวมในปี 2566 ลดลงเล็กน้อยประมาณร้อยละ2-3"นายธีระ กล่าว
 

       เดินหน้าพัฒนา 'พรีคาสท์คาร์บอนต่ำ'
 

       ในส่วนของธุรกิจผลิตแผ่นพรีคาสท์นั้น ล่าสุด บริษัทพฤกษา โฮลดิ้งฯ ได้จัดตั้งบริษัทย่อย บริษัท ซี เอนเตก (ประเทศไทย) จำกัด (CENTEK) เพื่อร่วมมือกับ ceEntek Private Limited Company ผู้นำด้านการผลิต nano-engineered Ultra-High-Performance Concrete (UHPC 2.0™) ในประเทศสิงคโปร์ เพื่อประกอบธุรกิจการผลิตนวัตกรรมแผ่นพรีคาสท์คาร์บอนต่ำสำหรับใช้ในการก่อสร้างทั่วไป โดยโซลูชันด้านวัสดุก่อสร้างในรูปแบบนี้ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางด้านต้นทุนในการผลิตพรีคาสท์ ลดการใช้ซีเมนต์และระยะเวลาก่อสร้าง ขณะที่มีความแข็งแกร่งทนทานระดับสูงและปล่อยคาร์บอนต่ำ

 

ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ