ESTAR รับอานิสงส์ อสังหาฯระยอง โต2เท่า งัดแลนด์แบงก์ขึ้นโครงการใหม่เจาะกำลังซื้อใหม่
Loading

ESTAR รับอานิสงส์ อสังหาฯระยอง โต2เท่า งัดแลนด์แบงก์ขึ้นโครงการใหม่เจาะกำลังซื้อใหม่

วันที่ : 13 พฤศจิกายน 2566
ESTAR เผยว่า กล่าวถึงแผนธุรกิจในปี 2567 ว่า พร้อมจะลงทุนซื้อที่ดินรองรับพัฒนาโครงการอสังหาฯ เพิ่มเติม 3 แปลง มูลค่ารวม 600 ล้านบาท (แปลงละประมาณ 200 ล้านบาท) แบ่งเป็นที่ดินในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล 2 แปลง และในพื้นที่ EEC อีก 1 แปลง
         ผู้บริหาร ESTAR กางข้อมูลอสังหาฯ โซนอีอีซีเติบโตดี เผย 2 จังหวัดใหญ่ ชลบุรีและระยอง มูลค่าอสังหาฯ พุ่งทะลุ 1 แสน ลบ. สัดส่วนถึง 20% ของตลาดอสังหาฯ ไทย ชี้อสังหาฯระยองร้อนแรงสุดๆ มูลค่าตลาดอสังหาฯ พุ่งถึง 2 เท่า สู่ระดับ 23,000 ลบ. อนาคตไปถึง 30,000 ลบ. เผยศักยภาพบ้านฉาง-ระยอง ทำเลทอง ราคาที่ดินพุ่งรองรับสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา และ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน พร้อมนำแลนด์แบงก์พันไร่ มาพัฒนาต่อเนื่อง รองรับเป้าหมายสร้างสถิติรายได้ พร้อมโครงการเปิดใหม่ 2 โครงการ มูลค่ารวม 1,200 ลบ. เร่งเครื่องท้ายปี เปิดโครงการน้องใหม่ "เวลาน่า ไฮด์" ทำเลติดสนามกอล์ฟ ใกล้สนามบินอู่ตะเภา

          นายไพโรจน์ วัฒนวโรดม กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ESTAR  กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ว่า ตามข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ พบว่าเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดชลบุรี มีมูลค่าประมาณ 50,000 ล้านบาท ขณะที่ในจังหวัดระยองอยู่ที่ 10,000-12,000 ล้านบาท แต่จากข้อมูลของ REIC และ AREA พบว่า ในรอบ 3 ปีผ่านมา (2564-2566) ตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั้ง 2 จังหวัดเติบโตอย่างมาก ซึ่งได้รับอานิสงส์จากโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่มีการลงทุนโครงการขนาดใหญ่จากภาครัฐเข้ามาต่อเนื่อง

          ส่งผลให้จังหวัดใหญ่อย่างชลบุรี มูลค่าตลาดอสังหาฯ ปรับขึ้นมาอยู่ระดับ 80,000 ล้านบาท โดยเฉพาะจังหวัดระยอง มูลค่าเพิ่มขึ้น 2 เท่าตัว มาอยู่ระดับ 25,000 ล้านบาท และเมื่อรวมทั้งสองจังหวัดเข้าด้วยกัน มูลค่าตลาดอสังหาฯ สูงกว่า 100,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณเกือบ 20% ของตลาดอสังหาฯ ไทย ขณะที่มูลค่าตลาดอสังหาฯ ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลนั้น มีมูลค่าประมาณ 450,000 ล้านบาท

          โดยเน้นที่จังหวัดระยอง คาดหน่วยโอนกรรมสิทธิ์รวมในปี 2566 ประมาณ 10,240 หน่วย ลดลงประมาณ 15% เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่มียอดโอนฯ 11,760 หน่วย (เติบโต 34% เทียบกับปี 2564) ขณะที่มูลค่าโอนฯ ประมาณ 23,178 ล้านบาท ลดลงประมาณ 11% เทียบกับมูลค่าในปี 2565 ที่ 25,717 ล้านบาท (เติบโต 35% เทียบกับปี 64) ซึ่งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มูลค่าการโอนฯ อสังหาฯในจังหวัดระยองคิดเป็น 1 ต่อ 5 ของจังหวัดชลบุรี แต่ปัจจุบันสัดส่วนได้เปลี่ยนไปเป็น 1 ต่อ 3.5 แปลว่า มูลค่าการโอนฯ ที่เกินกว่า 20,000 ล้านบาท ไม่ธรรมดา

          ทั้งนี้ เมื่อมาพิจารณาสัดส่วนสินค้าในบ้านฉาง พบเห็นว่าช่วงปี 2564-2566 ตลาดบ้านเดี่ยวยังมีอัตราคงที่มีสัดส่วน 60% เหตุที่ทำให้ตลาดบ้านเดี่ยวได้ความนิยม เนื่องจากพื้นที่ตรงนี้ ถ้าดูเรื่องของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GDP) แล้ว เป็นอันดับสอง รองจากกรุงเทพฯ และโซนที่ GDP สูงใน จ.ระยอง คือ บ้านฉางและมาบตาพุด โดยตลาดอสังหาฯ ในโซนปลวกแดง บ้านฉาง และนิคมพัฒนาของจังหวัดระยอง มีมูลค่า 23,178 ล้านบาท ซึ่ง ESTAR ครองส่วนแบ่งตลาด (Market Share) อยู่ประมาณ 3% ซึ่งสามารถสร้างส่วนแบ่งตลาดเพิ่มได้อีกจากปัจจุบัน 700 ล้านบาท

          ขณะที่ตลาดอสังหาฯ ในโซนบ้านฉาง มีมูลค่าตลาด 2,752 ล้านบาท ในนี้ ESTAR ครองส่วนแบ่งการตลาด 25% หรือมีรายได้ประมาณ 698 ล้านบาท คาดว่าปีนี้จะปิดตัวเลขได้เกินกว่า 700 ล้านบาท เนื่องจากภายในพื้นที่ บ้านฉาง มีโครงการของบริษัทอยู่ 4 โครงการ มีระดับราคาบ้านตั้งแต่ 3 ล้านบาท ไปจนถึง 12 ล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 5% ซึ่งตามแผนธุรกิจภายใน 5 ปีข้างหน้า (ปี 67-71) จะยังคงทำสถิติใหม่เพิ่มขึ้นทุกๆ ปีมาอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท ซึ่งในอนาคตมูลค่าอสังหาฯ ที่บ้านฉางอาจไปถึง 30,000 ล้านบาท ก็เป็นไปได้

          ทั้งนี้ ESTAR ได้มีการสะสมที่ดินมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอยู่ใน จ.ระยอง ประมาณ 1,000 ไร่ แบ่งเป็น 500 ไร่ อยู่ในบ้านฉางและถนนบูรพาพัฒน์ โดยที่ดินรอบสนามกอล์ฟอีสเทอร์น สตาร์ แอนด์ รีสอร์ท ยังมีที่ดินประมาณ 250 ไร่ มีแผนพัฒนาที่อยู่อาศัยได้ถึง 5 โครงการ (ซึ่งก่อนหน้าปิดไปแล้ว 6 โครงการ) และอีก 100 ไร่ อยู่ที่ถนนบูรพาพัฒน์ และอีก 500 ไร่ อยู่ในพื้นที่อื่นของระยอง โดยที่ดิน 1,000 ไร่ มีมูลค่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งสามารถรองรับการพัฒนาโครงการต่อเนื่องไปอีก 10 ปี

          โดยปัจจุบัน ESTAR มีโครงการที่เปิดใหม่ ได้แก่ โครงการเธร่า พรีม่า บูรพาพัฒน์-สุขุมวิท บ้านแฝด จำนวน 196 ยูนิต เริ่มต้น 2.59 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท ปัจจุบันทำยอดขายได้แล้ว 75% ของเฟสแรก เช่นเดียวกับโครงการ บรีซ ชาเล่ต์ บูรพาพัฒน์-สุขุมวิท บ้านเดี่ยว 2 ชั้น จำนวน 134 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 3.89 ล้านบาท สามารถสร้างยอดขายไปแล้ว 80% พร้อมกับโครงการบ้านในสนามกอล์ฟ โครงการ อะโมด้า อู่ตะเภา-บ้านฉาง บ้านเดี่ยว จำนวน 104 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 5 ล้านบาท สร้างยอดขายสูงเกือบ 100% และเพื่อตอบรับความต้องการผู้อยู่อาศัย ทางอีสเทอร์น สตาร์ ได้ขยายโครงการเพิ่มในชื่อ เวลาน่า ไฮด์ บ้านเดี่ยว 2 ชั้น 128 ยูนิต มูลค่าโครงการ 780 ล้านบาท

          นายไพโรจน์ กล่าวถึงแผนธุรกิจในปี 2567 ว่า พร้อมจะลงทุนซื้อที่ดินรองรับพัฒนาโครงการอสังหาฯ เพิ่มเติม 3 แปลง มูลค่ารวม 600 ล้านบาท (แปลงละประมาณ 200 ล้านบาท) แบ่งเป็นที่ดินในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล 2 แปลง และในพื้นที่ EEC อีก 1 แปลง และในอีก 5 ปีข้างหน้า หลังสนามบินอู่ตะเภาส่วนต่อขยายแล้วเสร็จ ซึ่งจะทำให้ที่ดินบริเวณรอบๆ สนามบินราคาพุ่งสูงขึ้น จนทำให้ราคาบ้านแนวราบขยับตัวขึ้นไปสูงมาก บริษัทยังมีแผนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม Low Rise ในจังหวัดระยอง บนที่ดินของบริษัทที่อยู่ติดกับห้างโรบินสัน บ้านฉาง จำนวน 1 แปลง และที่ดินแปลงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามโลตัส บ้านฉาง อีก 1 แปลง