สมรภูมิอสังหาฯ ภูเก็ตเดือด ดีมานด์ รัสเซีย-จีน พุ่ง
Loading

สมรภูมิอสังหาฯ ภูเก็ตเดือด ดีมานด์ รัสเซีย-จีน พุ่ง

วันที่ : 7 เมษายน 2566
นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต คาดว่าปี 2566 ยอดการขออนุญาตจัดสรรใกล้เคียงหรือสูงกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 โดยเป็นการลงทุนของผู้ประกอบการในพื้นที่ และทุนรายใหญ่จากส่วนกลางหลายรายที่มีแผนจะเข้ามาลงทุนในภูเก็ตจำนวนมาก
          นายพัทธนันท์ พิสุทธิ์วิมล นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต กล่าวในหัวข้อ Global Standard Platform for Ecosystems Real Estate and SME สร้างโอกาสการขาย ยกระดับธุรกิจอสังหาฯ และ SMEs เพื่อการแข่งขันด้วยแพลตฟอร์มมืออาชีพว่า ขณะนี้คนต่างชาติ โดยเฉพาะรัสเซีย และจีนมีความต้องการอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตจำนวนมากแต่ผู้ประกอบการไม่สามารถก่อสร้างโครงการให้ได้ทันที

          เห็นได้จากยอดการโอนที่ดินหรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างในปี 2565 ใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ส่วนอาคารชุดหรือคอนโดมิเนียม ปี 2565 เป็นปีแรกที่ยอดจดทะเบียนอาคารชุดสะสมน้อยกว่ายอดโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุดสะสม (นับรวมอาคารชุดมือสอง) แสดงให้เห็นว่าโครงการใหม่ไม่มี มีแต่การโอนกรรมสิทธิ์โครงการเก่าจำนวนมาก คาดว่าปี 2566 ยอดการขออนุญาตจัดสรรใกล้เคียงหรือสูงกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 โดยเป็นการลงทุนของผู้ประกอบการในพื้นที่ และทุนรายใหญ่จากส่วนกลางหลายรายที่มีแผนจะเข้ามาลงทุนในภูเก็ตจำนวนมาก

          "ก่อนโควิด มีทุนของ บมจ.แสนสิริ และ บมจ.พฤกษาฯลงมา แต่หลังจากนี้จะมีทุนส่วนกลางเข้ามาลงทุนในภูเก็ตอีกจำนวนมาก รวมทั้ง บมจ.ออริจิ้นฯ ดังนั้น ต่อไปการแข่งขันจะสูงขึ้น ผู้ประกอบการในพื้นที่ต้องทำงานอย่างมืออาชีพ ต้องมีการวางเป้าหมาย การบริหารต้นทุนต่าง ๆ ให้มากขึ้น ต้องติดตามข่าวสารสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ต้องศึกษากฎหมายจัดสรร อาคารชุด กฎหมายผังเมือง สิ่งแวดล้อม รวมถึงการขออนุญาตต่าง ๆ  ต้องอ่านรายงานที่ปรึกษา เช่น การตรวจน้ำเสียต่าง ๆ พิจารณาผลกระทบระหว่างการก่อสร้าง ก่อนทำโครงการ ต้องวิเคราะห์ตลาดเป็นใคร เอเยนซี่ที่จะขายให้ และออกแบบให้ตรงความต้องการของลูกค้า"

          "หากใครคิดว่าสู้ไม่ได้ ให้หนีไปตลาดอื่น และเทรนด์ที่จะมาในอนาคต คือ การลดคาร์บอนลง ลดการใช้พลังงานลง ใช้พลังงานสะอาด ต้องมีความฉลาดทางการเงิน การบริหารกระแสเงินสด การวางแผนโครงการ เรื่องสาธารณูปโภคต่าง ๆ และการใช้เงิน เพื่อมิให้เกิดปัญหาต่อธุรกิจ หลังจากนี้โครงการแนวราบทิศทางจะเป็นโครงการลักษณะลักเซอรี่มากขึ้น ส่วนตลาดลูกค้าภายในประเทศเป็นระดับกลางลงมา ส่วนต่างประเทศจะระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งปัจจุบันมีโครงการบริเวณตำบล เชิงทะเล ที่ลากูน่า และลายัน ต.วิชิต ที่เขาขาด ต.ฉลอง ต.ราไวย์" นายพัทธนันท์กล่าว