สัมภาษณ์: อรสิริน เชียงใหม่จ่อเข้า SET เล็งภูเก็ต/ปทุม - ชูขึ้นท็อปเท็นอสังหาฯ
Loading

สัมภาษณ์: อรสิริน เชียงใหม่จ่อเข้า SET เล็งภูเก็ต/ปทุม - ชูขึ้นท็อปเท็นอสังหาฯ

วันที่ : 16 มีนาคม 2566
อรสิริน เผยว่า ต้องเร่งกำหนดแผนการลงทุนปี 2566-2567 ที่จะเปิดโครงการใหม่จำนวน 10 โครงการ รวมมูลค่าการลงทุนทั้ง 10 โครงการราว 5,200 ล้านบาท
          "อรสิริน" แบรนด์อสังหาฯท้องถิ่นระดับ Top 5 ของเชียงใหม่ กางโรดแมปธุรกิจในระยะ 2 ปี (2566-2567) เดินหน้ารุก โครงการใหม่ 10 โครงการ ทั้งแนวราบและ แนวสูง รวมทั้งการเฟ้นหาที่ดินเพิ่มเพื่อพัฒนาในอนาคต รวมมูลค่าการลงทุน กว่า 8,000 ล้านบาท ซึ่งหนึ่งในลูกค้ากลุ่มเป้าหมายหลักที่ทำให้ "อรสิริน" ต้องเร่งเครื่องลงทุน คือ ดีมานด์ของตลาดจีนที่พุ่งเป้ามาซื้อที่อยู่อาศัยในจังหวัดเชียงใหม่ เป็นบ้านหลังที่ 2

          ความน่าสนใจของ "อรสิริน" นอกเหนือ จากการลงทุนครั้งใหญ่ในช่วงระยะ 2 ปีนี้แล้ว อีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญใน โรดแมปคือ การมุ่งสู่การเป็นแบรนด์ อสังหาฯระดับประเทศ ที่พร้อมไฟลิ่งเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ปลายปี 2566 หรืออย่างช้าต้นปี 2567 "ปรีดิกร บูรณุปกรณ์" ประธานเจ้าหน้าที่ บริหาร บริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จำกัด ให้สัมภาษณ์ "ประชาชาติธุรกิจ"

          กางโรดแมปลงทุน 8 พันล้าน

          ปรีดิกรกล่าวว่า ผลประกอบการ ปี 2565 กลายเป็นปีที่ดีที่สุดของกลุ่มอรสิริน ถือว่าเป็น all time high ด้วยยอดขายรวมมากกว่า 1,500 ล้านบาท ปี 2566 ตั้งเป้าเติบโต 20% หรือราว 1,800 ล้านบาท ทั้งนี้ หลังสถานการณ์ โควิดคลี่คลายและเข้าสู่ภาวะปกติ ภาพรวม ธุรกิจอสังหาฯของเชียงใหม่มีทิศทางเป็นบวกมากขึ้น ความต้องการซื้อจริงของคนในพื้นที่คึกคักมาก ประกอบกับมีแรงกระตุ้นจากตลาดจีนที่ต้องการหาซื้อที่อยู่อาศัยในเชียงใหม่ ซึ่งกำลังซื้อจีนกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว

          ทั้ง 2 ปัจจัยดังกล่าวทำให้กลุ่ม อรสิรินต้องเร่งกำหนดแผนการลงทุนปี 2566-2567 ที่จะเปิดโครงการใหม่จำนวน 10 โครงการ แบ่งเป็นโครงการแนวราบ (บ้านเดี่ยว) 5 โครงการ จำนวน 700 ยูนิต ก่อสร้างปี 2566 จำนวน 400 ยูนิต และปี 2567 อีก 300 ยูนิต มูลค่าการลงทุนราว 3,600 ล้านบาท ส่วนโครงการแนวสูง (คอนโดมิเนียม) จำนวน 700 ยูนิต มูลค่าการลงทุนราว 1,600 ล้านบาท รวมมูลค่าการลงทุนทั้ง 10 โครงการราว 5,200 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมกับโครงการเดิมจะทำให้กลุ่มอรสิรินมีโครงการรวมทั้งสิ้น 40 โครงการ

          ขณะเดียวกันมีแผนการลงทุนซื้อที่ดินแปลงใหม่เพิ่มอีกราว 3,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการต่อเนื่องในอนาคต เมื่อรวมมูลค่าการลงทุนทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นในระยะ 2 ปีนี้ (2566-2567) อยู่ที่กว่า 8,000 ล้านบาท สำหรับโครงการแนวราบ ปักหมุดทำเลบนถนนโชตนา, ท่ารั้ว, สันทราย, รวมโชค และซูเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่ลำปาง ส่วนโครงการแนวสูงปักธงที่ถนนเจริญเมือง 1 โครงการ รวมโชค 2 โครงการ และเจ็ดยอด 2 โครงการ

          เป้าหมายชัดเจาะดีมานด์จีน ปรีดิกรกล่าวอีกว่า หลังโควิดกลุ่มอรสิรินมุ่งขยายการลงทุนมากขึ้น ล่าสุด ดีเวลอปเปอร์ชาวจีนและเอเยนซี่ชาวจีน หลายรายในประเทศจีนติดต่อมายังบริษัทโดยตรงว่า มีความต้องการเข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยในจังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม และให้เตรียมตัวรับลูกค้าจากประเทศจีนให้ทัน จึงเป็นแผนการลงทุนเร่งด่วนที่กลุ่มอรสิริน ตัดสินใจทำทันทีภายในระยะ 2 ปีนี้ มั่นใจว่าธุรกิจอสังหาฯในเชียงใหม่มีแนวโน้มเติบโตในทิศทางที่ดีมาก

          โดยเฉพาะโครงการแนวสูง 5 โครงการ (คอนโดมิเนียม) ที่จะทำในปี 2566-2567 มีเป้าหมายชัดเจนรองรับตลาดจีน โดยมีเอเยนซี่จีนที่จะทำตลาดในประเทศจีน และนำลูกค้าชาวจีนมาให้กับทางบริษัท โดยเฉพาะคนจีนที่มีกำลังซื้อสูงเป็นฐานลูกค้ากลุ่มใหญ่และมีดีมานด์จริง พร้อมจ่าย และต้องการออกนอกประเทศ โดยจังหวัดเชียงใหม่เป็น top destination ของชาวจีนที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย (คอนโดมิเนียม) เพื่อเป็นบ้านหลังที่ 2

          ในข้อเท็จจริง ชาวต่างชาติจะซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยได้คือคอนโดมิเนียมเท่านั้น โดยพบว่าคนจีนเริ่ม เข้ามาซื้ออสังหาฯในเชียงใหม่ตั้งแต่ก่อนเกิดโควิด ซึ่งโครงการ ดิ แอสตร้า คอนโดมิเนียม (The Astra Condominium) ของกลุ่มอรสิริน โครงการที่ 1 เปิดดำเนินการ มาราว 6 ปี บนถนนช้างคลาน (ติดโรงแรม แชงกรี-ลา) ความสูง 17 ชั้น จำนวนห้องชุด 589 ยูนิต ซึ่งโควตาต่างชาติ 49% เป็นสัดส่วนลูกค้าชาวจีนมากกว่า 30% ที่เหลือเป็นชาวยุโรป

          ขณะที่โครงการ Astra Sky River คอนโดมิเนียม สูง 17 ชั้น ระดับลักเซอรี่ ตั้งอยู่บนถนนช้างคลาน จำนวน 580 ยูนิต ซึ่งเป็นโครงการใหม่ล่าสุด เพิ่งเปิดตัวโครงการเมื่อปลายปี 2565 ขณะนี้ยอดขาย อยู่ที่ 70% ส่วนโควตา 49% ที่ต่างชาติ สามารถซื้อห้องชุดของโครงการนี้ได้ โควตา ได้ถูกซื้อเต็มหมดแล้ว เป็นสัดส่วนลูกค้า ชาวจีนกว่า 30% และในจำนวนนี้มีลูกค้า ระดับเศรษฐีชาวจีนที่เหมาห้องชุดคนเดียว จำนวน 10 ห้อง

          อย่างไรก็ตาม โครงการแนวสูงในอนาคตของอรสิรินมั่นใจว่าจะเป็นโครงการ ที่มีสัดส่วนลูกค้าชาวจีนมากกว่าครึ่งแน่นอน เพราะเกือบทุกโครงการที่เคยทำมาก่อนหน้านี้ จากโควตาต่างชาติ 49% พบสัดส่วนลูกค้าชาวจีนมากกว่าครึ่งทั้งหมด

          "เอเยนซี่ชาวจีนรายใหญ่ที่ดิวกับบริษัทโดยตรงย้ำว่าต้องรีบลงทุน เพราะถ้าช้ากว่านี้จะไม่ทันแล้ว และเขามั่นใจว่าโควตาที่เราให้เขาไป เขาขายหมดภายในไม่กี่เดือนแน่นอน นอกจากนี้ยังมีลูกค้าชาวต่างชาติอื่น ๆ อาทิ เมียนมา ที่เป็นกลุ่มเศรษฐีกำลังซื้อสูงหลายรายที่เป็นลูกค้าของอรสิริน จึงมั่นใจว่าหลังโควิด เชียงใหม่จะบูมสำหรับคนจีน อยากให้ดีเวลอปเปอร์เตรียมโครงการไว้เลย ผมมั่นใจว่าขายหมดแน่นอน"

          เล็งบุกต่างจังหวัด-ปริมณฑล ปรีดิกรกล่าวถึงอีกหนึ่งแผนงานในอนาคตว่า เตรียมนำแบรนด์อรสิรินบุกต่างจังหวัด (โครงการแนวราบ) ซึ่งถือเป็นการขยายการลงทุนไปยังพื้นที่อื่นนอกจากจังหวัดเชียงใหม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการลงพื้นที่สำรวจข้อมูลเชิงลึกทุกมิติในแต่ละจังหวัด ซึ่งคาดว่าจะพร้อมลงทุนในปี 2569 เริ่มจากภาคเหนือตอนบนคือ จังหวัดเชียงรายและลำพูน นอกจากนี้มีแผนการลงทุนข้ามภูมิภาคไปภาคใต้ คือ ภูเก็ต และปริมณฑล คือ ปทุมธานี เป็น 4 จังหวัดที่มีศักยภาพสูงด้านเศรษฐกิจการค้าและกำลังซื้อ

          เล็งเข้าตลาด SET ปลายปี'66 ปรีดิกรกล่าวว่า กลุ่มอรสิรินจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ ไทย (SET) ซึ่งกำหนดไฟลิ่งปลายปี 2566 หรืออย่างช้าต้นปี 2567 จะเข้าไป trading ในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยตั้งเป้าเป็นบริษัท อสังหาฯ Top 10 ของประเทศไทยให้ได้ ในอนาคต ดังนั้น บริษัทจึงต้องการความเชื่อมั่น จากลูกค้าที่ไม่ใช่เฉพาะในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งการขยายการลงทุนไปยัง ต่างจังหวัดและปริมณฑล จะทำให้แบรนด์อรสิรินเป็นที่รู้จักยิ่งขึ้น จะทำให้ growth ของยอดขายเพิ่มสูงขึ้นและสร้าง ความมั่นใจให้กับลูกค้าว่า อรสิรินจะเป็นบริษัทที่มั่นคงและยั่งยืน

          ผุดศูนย์สุขภาพ 'อรสิรินเฮ้ลท์' การแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจ อสังหาฯทำให้ผู้ประกอบการแต่ละรายต้องพยายามวางกลยุทธ์ที่โดดเด่นเหนือคู่แข่ง ซึ่ง"ปรีดิกร บูรณุปกรณ์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จำกัด บอกกับ "ประชาชาติธุรกิจ" เชียงใหม่เป็นพื้นที่เป้าหมายการลงทุนอสังหาฯ มีกลุ่มทุนทั้งส่วนกลางระดับบิ๊กแบรนด์เข้ามาลงทุนครบเกือบทุกแบรนด์ รวมถึง การลงทุนของจีน ที่กำลังรุกหนัก ซึ่งยอมรับว่าการแข่งขันค่อนข้างรุนแรง ทำให้บริษัทต้องเร่งปรับตัว วาง กลยุทธ์และเพิ่มมูลค่าโครงการให้สูงขึ้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน

          ทั้งนี้ ได้มองถึงบริการหลังการขาย เป็นประเด็นสำคัญ โดยเฉพาะการบริการด้านสุขภาพของลูกค้าโครงการ

          ในยามเจ็บป่วยหรือต้องการคำปรึกษาด้านสุขภาพ โดยเตรียมลงทุนเปิดศูนย์บริการสุขภาพ "อรสิริน เฮ้ลท์" ในอนาคต อันใกล้นี้ ภายในโครงการบ้านแนวราบ ของอรสิริน ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับโรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อทำโครงการร่วมกัน โดยจะส่งทีมแพทย์ มาให้บริการเดือนละครั้ง หรือ 2 อาทิตย์ต่อครั้ง เพื่อบริการให้กับลูกบ้านที่เป็น ผู้สูงอายุ หรือลูกบ้านที่ต้องการรักษาอาการ เจ็บป่วยหรือปรึกษาด้านสุขภาพ เป็นต้น

          "เราเป็นดีเวลอปเปอร์ท้องถิ่น แต่ก็มั่นใจว่ารู้จักเชียงใหม่ดีที่สุด จากประสบการณ์ของอรสิริน 17 ปีที่ทำโครงการ แนวราบและแนวสูง เรามั่นใจใน big data ที่เก็บมา 17 ปี ไม่มีใครรู้จักเชียงใหม่เท่าเรา ขณะที่โลเกชั่นของโครงการอรสิรินถือว่าเป็นความได้เปรียบ ทุกโครงการติดถนนใหญ่ แลนด์แบงก์ที่เก็บไว้และเตรียมจะซื้อใหม่โลเกชั่นติดถนนใหญ่ ผมไม่เชื่อว่าผู้ประกอบการรายอื่น ที่เพิ่งเข้ามาจะมีอินไซต์ดาต้าที่มาก กว่าเรา"

          สำหรับกลุ่มทุนจีนที่มาลงทุนทำ อสังหาฯ แน่นอนว่าอาจส่งผลกระทบต่อดีเวลอปเปอร์ท้องถิ่น โดยอาจจะกระทบต่อผู้ประกอบการท้องถิ่นรายเล็ก เช่น การตัดราคา แต่อรสิรินมีโปรดักต์ที่มีราคาหลากหลาย ครอบคลุมเกือบทุก กลุ่มเป้าหมายตั้งแต่ราคา 2 ล้านขึ้นไป จนถึง 30 ล้าน ที่น่าห่วงคือผู้ประกอบการ รายเล็ก เช่น บ้านราคา 1-2 ล้านบาท ที่จะถูกตัดราคาและได้รับผลกระทบ โดยตรง เพราะทุนจีนมีการนำเข้า วัสดุก่อสร้างมาจากประเทศจีนที่ คุณภาพดีและราคาถูก ตรงนี้ค่อนข้าง น่าหนักใจสำหรับผู้ประกอบการรายเล็ก

    
 
ข่าวอสังหาริมทรัพย์ภูมิภาค อื่นๆ