ตลาดคอนโดฯ ภูเก็ตเริ่มฟื้นตัว แต่ต้องใช้เวลา1-2 ปี กลับสู่ภาวะปกติ
วันที่ : 7 มีนาคม 2566
ไนท์แฟรงค์ คาดว่าในปี 2566 โครงการคอนโดมิเนียมหลายโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างจะทยอยสร้างเสร็จ และมีการเปิดให้บริการในรูปแบบโรงแรม เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มชาวจีน
นายณัฎฐา คหาปนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัทไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยถึงแนวโน้ม ตลาดคอนโดมิเนียมในภูเก็ต ว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวไทยเริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติยังคงเลือกจุดหมายปลายทางอย่างภูเก็ตให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักในการพักผ่อนและใช้ชีวิตในการอยู่อาศัยตลอดระยะเวลาการมาไทย แต่ตลาดคอนโดมิเนียมในภูเก็ตยังคงต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัวให้เป็นปกติอีก 1-2 ปี เพราะต้องรอนักท่องเที่ยวให้กลับมาเทียบเท่า ในปีก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19
อย่างไรก็ตาม คาดว่าในปี 2566 โครงการคอนโดมิเนียมหลายโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างจะทยอยสร้างเสร็จ และมีการเปิดให้บริการในรูปแบบโรงแรม เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มชาวจีน ซึ่งในอนาคตหากไม่มีโครงการเปิดใหม่ คาดว่าตลาดเช่าจะเป็นที่นิยมมาก เนื่องจากไม่มีสินทรัพย์ใหม่เข้ามาให้ลงทุน
ทั้งนี้คาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามายังภูเก็ตในปี 2566 จะอยู่ที่ 2.3 ล้านคน และคาดว่าปี 2567 จะเพิ่มขึ้นเป็น 4-5 ล้านคน ซึ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวดังกล่าวจะเป็นกลุ่มที่ให้ความสนใจคอนโดมิเนียมและตัดสินใจซื้อลงทุน เหตุผลหลักคือเพื่อหลีกหนีอากาศหนาวในประเทศของตน และใช้เป็นสถานที่หลบภัยในช่วงที่สถานการณ์ในประเทศของตนไม่ปกติ เช่น สงคราม ทั้งนี้คาดว่า กลุ่มหลักที่ยังคงชื่นชอบและมาพักผ่อนที่ภูเก็ตคือรัสเซียและจีน แต่การพัฒนาคอนโดมิเนียมในอนาคตคาดว่าจะมีระยะห่างจากชายหาดมากขึ้น เนื่องจากขนาดที่ดินในการพัฒนาเริ่มน้อยลง
"ตลาดคอนโดมิเนียมในภูเก็ตยังคงต้องรอการฟื้นตัวต่อไปอีกสักระยะ จนกว่าภาคการท่องเที่ยวจะเติบโตดีขึ้นกว่านี้ อย่างไรก็ตามตลาดคอนโดมิเนียมยังคงเป็นที่ต้องการอย่างต่อเนื่องในกลุ่มนักลงทุนลูกค้าต่างชาติ เพราะการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตยังเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า และได้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างดี" นายณัฎฐา กล่าว
โดยหลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง ตลาดคอนโดมิเนียมในภูเก็ตเริ่มมีการทยอยฟื้นตัวอย่างช้าๆ นักท่องเที่ยวต่างชาติได้กลับเข้ามาท่องเที่ยวมากขึ้น ผู้ประกอบการจึงเริ่มกลับมาทำการตลาดและพัฒนาโครงการต่ออีกครั้ง หลังจากที่หยุดโครงการไปจากปัญหาการขนส่งวัสดุก่อสร้าง อีกทั้งกลุ่มนักลงทุนชาวต่างชาติที่ไม่สามารถทำธุรกรรมโอนเงินข้ามประเทศเพื่อมาชำระงวดเงิน (Payment Term) ในช่วงที่มีการก่อสร้างคอนโดมิเนียมตามเงื่อนไขสัญญาได้ ส่งผลให้หลายโครงการไม่สามารถสร้างโครงการต่อได้ในช่วงเวลาหนึ่ง ทำให้ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในภูเก็ตในช่วงที่ผ่านมาเกิดการชะลอตัว ทั้งในแง่อุปทาน (supply) และอุปสงค์ (demand)
ทั้งนี้จากการสำรวจและรวบรวมข้อมูลในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 พบว่าความต้องการคอนโดมิเนียมมีเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังไม่เป็นที่นิยมมากเมื่อเทียบกับตลาดวิลล่าในภูเก็ต โดยปี 2565 supply คอนโดมิเนียมในภูเก็ตฝั่งตะวันตก ตั้งแต่หาดไม้ขาวจนถึงหาดราไวย์ มีจำนวน 24,211 หน่วย และตลอดทั้งปี 2566 มี supply เปิดขายใหม่เพิ่มขึ้น 941หน่วย เนื่องจากภาพรวมของตลาดยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เน้นระบาย supply ที่มีอยู่ก่อน
ส่วนจำนวนคอนโดมิเนียมที่ขายได้ในปี 2565 อยู่ที่ 18,613 หน่วย จากทั้งหมด 24,211 หน่วย คิดเป็นอัตราการขาย 76.9% ลดลง 1.4% จากปี 2564 ซึ่งอยู่ที่ 78.3% มีหน่วยเหลือขายประมาณ 5,598 หน่วย โดยหน่วยที่เปิดขายใหม่ สามารถขายได้เพียง 397 หน่วยเท่านั้น และกลุ่มผู้ซื้อยังคงเป็นชาวรัสเซียเกือบ 100% ซึ่งจะมาอยู่ภูเก็ตในช่วง High Season และบางส่วนเป็นชาวยุโรปที่ซื้อไว้อยู่อาศัยเองในช่วง Long stay
สำหรับราคาเสนอขายคอนโดมิเนียมโซนฝั่งตะวันตกในปี 2565 หากเห็นวิวทะเล จะมีราคาขายเฉลี่ย 196,900 บาท/ตารางเมตร (ตร.ม.) เพิ่มขึ้น 0.45% จากปี 2564 เห็นวิวทะเลบางส่วน ราคา 97,915 บาท/ ตร.ม. เพิ่มขึ้น 0.38% จากปี 2564 และไม่เห็นวิวทะเล ราคา 74,548 บาท/ตร.ม. เพิ่มขึ้นละ 0.22% จากปี 2564
"ราคาขายเฉลี่ยปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกพื้นที่เล็กน้อย เนื่องจาก demand ที่ชะลอตัวมานาน อีกทั้ง การกลับมาของต่างชาติยังไม่คึกคักอย่างเต็มที่ และการที่หลายโครงการเพิ่งเริ่มกลับมาทำการตลาดเพื่อเพิ่มกำลังซื้อ แม้หลายโครงการที่กำลังก่อสร้างเสร็จ แต่ก็ยังไม่ได้มีการปรับราคาเพิ่มมากนัก เพราะรอให้กำลังซื้อกลับมามากขึ้น อีกทั้ง ยังรอการโอนเงินจากกลุ่มที่จองไปแล้ว ซึ่งเป็นสัญญาณที่หลายโครงการอาจจะเริ่มทยอยปรับราคาเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต"นายณัฎฐา กล่าว
อย่างไรก็ตาม คาดว่าในปี 2566 โครงการคอนโดมิเนียมหลายโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างจะทยอยสร้างเสร็จ และมีการเปิดให้บริการในรูปแบบโรงแรม เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มชาวจีน ซึ่งในอนาคตหากไม่มีโครงการเปิดใหม่ คาดว่าตลาดเช่าจะเป็นที่นิยมมาก เนื่องจากไม่มีสินทรัพย์ใหม่เข้ามาให้ลงทุน
ทั้งนี้คาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามายังภูเก็ตในปี 2566 จะอยู่ที่ 2.3 ล้านคน และคาดว่าปี 2567 จะเพิ่มขึ้นเป็น 4-5 ล้านคน ซึ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวดังกล่าวจะเป็นกลุ่มที่ให้ความสนใจคอนโดมิเนียมและตัดสินใจซื้อลงทุน เหตุผลหลักคือเพื่อหลีกหนีอากาศหนาวในประเทศของตน และใช้เป็นสถานที่หลบภัยในช่วงที่สถานการณ์ในประเทศของตนไม่ปกติ เช่น สงคราม ทั้งนี้คาดว่า กลุ่มหลักที่ยังคงชื่นชอบและมาพักผ่อนที่ภูเก็ตคือรัสเซียและจีน แต่การพัฒนาคอนโดมิเนียมในอนาคตคาดว่าจะมีระยะห่างจากชายหาดมากขึ้น เนื่องจากขนาดที่ดินในการพัฒนาเริ่มน้อยลง
"ตลาดคอนโดมิเนียมในภูเก็ตยังคงต้องรอการฟื้นตัวต่อไปอีกสักระยะ จนกว่าภาคการท่องเที่ยวจะเติบโตดีขึ้นกว่านี้ อย่างไรก็ตามตลาดคอนโดมิเนียมยังคงเป็นที่ต้องการอย่างต่อเนื่องในกลุ่มนักลงทุนลูกค้าต่างชาติ เพราะการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตยังเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า และได้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างดี" นายณัฎฐา กล่าว
โดยหลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง ตลาดคอนโดมิเนียมในภูเก็ตเริ่มมีการทยอยฟื้นตัวอย่างช้าๆ นักท่องเที่ยวต่างชาติได้กลับเข้ามาท่องเที่ยวมากขึ้น ผู้ประกอบการจึงเริ่มกลับมาทำการตลาดและพัฒนาโครงการต่ออีกครั้ง หลังจากที่หยุดโครงการไปจากปัญหาการขนส่งวัสดุก่อสร้าง อีกทั้งกลุ่มนักลงทุนชาวต่างชาติที่ไม่สามารถทำธุรกรรมโอนเงินข้ามประเทศเพื่อมาชำระงวดเงิน (Payment Term) ในช่วงที่มีการก่อสร้างคอนโดมิเนียมตามเงื่อนไขสัญญาได้ ส่งผลให้หลายโครงการไม่สามารถสร้างโครงการต่อได้ในช่วงเวลาหนึ่ง ทำให้ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในภูเก็ตในช่วงที่ผ่านมาเกิดการชะลอตัว ทั้งในแง่อุปทาน (supply) และอุปสงค์ (demand)
ทั้งนี้จากการสำรวจและรวบรวมข้อมูลในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 พบว่าความต้องการคอนโดมิเนียมมีเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังไม่เป็นที่นิยมมากเมื่อเทียบกับตลาดวิลล่าในภูเก็ต โดยปี 2565 supply คอนโดมิเนียมในภูเก็ตฝั่งตะวันตก ตั้งแต่หาดไม้ขาวจนถึงหาดราไวย์ มีจำนวน 24,211 หน่วย และตลอดทั้งปี 2566 มี supply เปิดขายใหม่เพิ่มขึ้น 941หน่วย เนื่องจากภาพรวมของตลาดยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เน้นระบาย supply ที่มีอยู่ก่อน
ส่วนจำนวนคอนโดมิเนียมที่ขายได้ในปี 2565 อยู่ที่ 18,613 หน่วย จากทั้งหมด 24,211 หน่วย คิดเป็นอัตราการขาย 76.9% ลดลง 1.4% จากปี 2564 ซึ่งอยู่ที่ 78.3% มีหน่วยเหลือขายประมาณ 5,598 หน่วย โดยหน่วยที่เปิดขายใหม่ สามารถขายได้เพียง 397 หน่วยเท่านั้น และกลุ่มผู้ซื้อยังคงเป็นชาวรัสเซียเกือบ 100% ซึ่งจะมาอยู่ภูเก็ตในช่วง High Season และบางส่วนเป็นชาวยุโรปที่ซื้อไว้อยู่อาศัยเองในช่วง Long stay
สำหรับราคาเสนอขายคอนโดมิเนียมโซนฝั่งตะวันตกในปี 2565 หากเห็นวิวทะเล จะมีราคาขายเฉลี่ย 196,900 บาท/ตารางเมตร (ตร.ม.) เพิ่มขึ้น 0.45% จากปี 2564 เห็นวิวทะเลบางส่วน ราคา 97,915 บาท/ ตร.ม. เพิ่มขึ้น 0.38% จากปี 2564 และไม่เห็นวิวทะเล ราคา 74,548 บาท/ตร.ม. เพิ่มขึ้นละ 0.22% จากปี 2564
"ราคาขายเฉลี่ยปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกพื้นที่เล็กน้อย เนื่องจาก demand ที่ชะลอตัวมานาน อีกทั้ง การกลับมาของต่างชาติยังไม่คึกคักอย่างเต็มที่ และการที่หลายโครงการเพิ่งเริ่มกลับมาทำการตลาดเพื่อเพิ่มกำลังซื้อ แม้หลายโครงการที่กำลังก่อสร้างเสร็จ แต่ก็ยังไม่ได้มีการปรับราคาเพิ่มมากนัก เพราะรอให้กำลังซื้อกลับมามากขึ้น อีกทั้ง ยังรอการโอนเงินจากกลุ่มที่จองไปแล้ว ซึ่งเป็นสัญญาณที่หลายโครงการอาจจะเริ่มทยอยปรับราคาเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต"นายณัฎฐา กล่าว
ข่าวอสังหาริมทรัพย์ภูมิภาค อื่นๆ