เมื่อวันที่ 24 พ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม) ว่า รัฐบาลมีความห่วงใยและได้ริเริ่มเห็นชอบร่วมกันดำเนินการโครงการที่พักอาศัยผู้สูงอายุ รามาธนารักษ์ซึ่งเป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่างโรงพยาบาลคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี จ.สมุทรปราการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารออมสินธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่พักอาศัยผู้สูงอายุแบบครบวงจรซึ่งใช้พื้นที่ราชพัสดุ อ.บางพลี จ. สมุทรปราการ ซึ่งจะเป็นอาคารที่พักอาศัยจำนวน 8 ชั้น 7 อาคาร รวม 921 ห้อง โดยภายในอาคารจะมีคลับเฮาส์ สระน้ำ ร้านค้าให้เช่า รับผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไป มีสิทธิในการพักอาศัย 30 ปีและมีสิทธิประโยชน์ในด้านสุขภาพต่างๆ เช่น ห้องพยาบาล สิทธิในการเข้ารักษาเนิสซิ่งโฮมโรงพยาบาลรามาธิบดี และสิทธิ์ประโยชน์ด้านสินเชื่อของธนาคารต่างๆ

          ที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุโครงการ Senior complex จะดำเนินการไปยังจังหวัดอื่นๆ อีก เช่น ชลบุรี เชียงใหม่ รวมถึงจะขยายไปพื้นที่อื่นๆ อีกตรงนี้คือนโยบายรัฐบาลที่เราดูทั้งผู้รายได้น้อย ผู้มีรายได้ปานกลาง ที่พอจะจ่ายได้ ซึ่งต่างประเทศเขาก็ทำกันแบบนี้ ต่างคนต่างต้องช่วยกันและกัน ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็มีความก้าวหน้าตามลำดับ อะไรที่ช้าก็เร่งรัดไป แต่มันติดด้วยระเบียบกฎเกณฑ์ข้อบังคับต่างๆ ซึ่งทุกอย่างต้องผ่านการทำประชาพิจารณ์และต้องประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) และการประเมินผลกระทบทางสุขภาพ (เอชไอเอ) มีกติกาหลายอย่าง

          นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม.อนุมัติให้กรมธนารักษ์ และ บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) ดำเนินโครงการ "ที่พักผู้สูงอายุ รามา-ธนารักษ์" บนที่ดินราชพัสดุ จังหวัดสมุทรปราการ วงเงิน 1,345.934 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างโครงการ เมื่อมีผู้เช่าห้องพักแล้วทั้งหมดเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันมีผู้สูงอายุสนใจจองสิทธิเช่าห้องพักอาศัยแล้ว 1,310 ราย โดยผู้สูงอายุที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่น สิทธิการพักอาศัย 30 ปี สิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพ