ตลาดผวาเงินเฟ้อพุ่ง 5.7% เอเชีย พลัส แนะ 3 กลุ่มหุ้นรับมือผันผวน
Loading

ตลาดผวาเงินเฟ้อพุ่ง 5.7% เอเชีย พลัส แนะ 3 กลุ่มหุ้นรับมือผันผวน

วันที่ : 8 เมษายน 2565
ปัจจุบันผลตอบแทนอัตราดอกเบี้ยเงินฝากบ้านเราติดลบแล้ว ส่งผลต่อกำลังซื้อภายในประเทศหายไปปีละมากกว่า 3% ทำให้ผู้กำกับดูแลนโยบายการเงินต้องมาทบทวนเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วง 6-12 เดือนข้างหน้านี้
           หุ้นไทยผวาตัวเลขเงินเฟ้อทะยาน 5.73% นักลงทุนหวั่นแบงก์ชาติใช้นโยบายเงินตึงตัว ทบทวนขึ้นดอกเบี้ยภายใน 6 เดือนข้างหน้า โบรกฯ แนะ 3 กลุ่มหุ้นรับมือตลาดผันผวน นำโดยกลุ่มธนาคารและประกัน นำโดย KBANK, SCB, BBL และ BLAกลุ่มอิงต้นทุนสินค้าโภคภัณฑ์ GPSC, BGRIM, BJC รวมทั้งหุ้นปัจจัย 4 ผันผวนต่ำกว่าตลาด CPALL, HMPRO, CRC, BH และ BDMS

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตลาดหุ้นไทยวานนี้ ปรับตัวลดลงตามตลาดในภูมิภาค จากความกังวลสถานการณ์เงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น ล่าสุดเงินเฟ้อเดือน มี.ค. ของไทยพุ่งแตะ 5.73% ขณะที่ผลตอบแทนดอกเบี้ยติดลบมากกว่า 3% ทำให้นักทุนกังวลว่า อาจนำไปสู่การใช้นโยบายเงินตึงตัว โดยลดปริมาณเงินในระบบ คาดว่าจะมีการทบทวนการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายภายใน 6 เดือนข้างหน้า

          นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด หรือ ASPS กล่าวว่า สาเหตุหลักของการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นทั่วโลกวานนี้ (7 เม.ย.) เกิดจากสถานการณ์เงินเฟ้อทั่วโลกสร้างความกังวลมากขึ้น ตัวเลขเดือน มี.ค. 2565 เงินเฟ้อไทยปรับขึ้นมาที่ 5.73% อยู่ในระดับที่สูงมาก มีการปรับเพิ่มประมาณการเงินเฟ้อปี 2565 ขึ้นมาอยู่ที่ 4.5% จากเดิม 1.5% ขณะที่ผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยในประเทศติดลบ ประเด็นนี้ถือเป็นเรื่องหนึ่งที่นักลงทุนกังวลมากในปีนี้ และเป็นความเสี่ยงสำคัญสำหรับตลาดหุ้น

          “ปัจจุบันผลตอบแทนอัตราดอกเบี้ยเงินฝากบ้านเราติดลบแล้ว ส่งผลต่อกำลังซื้อภายในประเทศหายไปปีละมากกว่า 3% ทำให้ผู้กำกับดูแลนโยบายการเงินต้องมาทบทวนเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วง 6-12 เดือนข้างหน้านี้” นายเทิดศักดิ์ กล่าว

          ASPS มองว่าจากสถานการณ์ดังกล่าว จะนำไปสู่การใช้นโยบายเงินตึงตัวที่เร็วขึ้น หลังเงินเฟ้อทั่วโลกเริ่มเปลี่ยนไป จากเดิมที่คิดว่าเป็นผลกระทบจากสงครามยูเครนกับรัสเซียในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ มาเป็นการที่ระบบเศรษฐกิจต้องอยู่กับภาวะเงินเฟ้อสูงเป็นระยะเวลายาว หลังสถานการณ์สู้รบยืดเยื้อ ตามมาด้วยการคว่ำบาตรรัสเซียจากหลายประเทศ และหลายธุรกิจ ภาวะดังกล่าว ทำให้หลายประเทศต้องพิจารณาใช้นโยบายการเงินตึงตัวเร็วขึ้น

          โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศฝั่งพัฒนาแล้ว ไม่เว้นแต่ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท.ช่วง 6-12 เดือนข้างหน้า ประเด็นนี้ถือเป็นเรื่องหนึ่งที่นักลงทุนกังวลมากในปีนี้ เป็นความเสี่ยงสำคัญสำหรับตลาดหุ้น อย่างไรก็ตาม ยังพอมีหุ้นที่สามารถรับมือกับปัจจัยดังกล่าวได้ดี น่าจะปรับตัวดีกว่าตลาด หรือ Outperform ตลาดได้

          ฝ่ายวิจัยแนะนำหุ้น 3 กลุ่ม ดังนี้

          1.หุ้นได้แรงหนุนจากนโยบายการเงินตึงตัว (ลดปริมาณเงินในระบบ และเพิ่มอัตราดอกเบี้ย) แนะนำ กลุ่มธนาคารและประกัน ได้แก่ KBANK, SCB, BBL, BLA

          2.หุ้นได้ประโยชน์ต้นทุนอิงกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ หรือ Commodity มีโอกาสทยอยลดลงจากกำลังซื้อที่หายไป แนะนำ GPSC, BGRIM, BJC, SAPPE

          3.หุ้นปัจจัย 4 ผันผวนต่ำกว่าตลาด แนะนำ M, CPALL, HMPRO, CRC, BH และ BDMS
ข่าวโครงการอสังหาฯ ภาคเอกชน อื่นๆ