กลุ่มทุนท้องถิ่นเชียงใหม่ "ศิวาลัยวิลเลจ" ผุดโครงการ "ZEN by Sivalai" บ้านจัดสรรมูลค่า 1 พันล้านบาท ปักหมุด อ.สันกำแพง 60 ไร่ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ ตั้งเป้าพัฒนาโครงการให้แล้วเสร็จภายใน 6 ปี

          นายสรนันท์ เศรษฐี กรรมการผู้จัดการ บริษัท นอร์ทเทิร์นเรียลเอสเตท จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า บริษัทได้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดเชียงใหม่มาเป็นเวลา 25 ปี ภายใต้แบรนด์โครงการ "ศิวาลัยวิลเลจ" มีจำนวนบ้านที่พัฒนาแล้วกว่า 1 พันหลัง จำนวน 4 โครงการ โดยในปีนี้ (2565) มีแผนพัฒนาโครงการหมู่บ้านจัดสรรโครงการใหม่ "ZEN by Sivalai" ซึ่งเป็นโครงการคุณภาพในเครือหมู่บ้านศิวาลัย วิลเลจ บนพื้นที่กว่า 60 ไร่ ตำบลต้นเปา อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ มูลค่าโครงการกว่า 1 พันล้านบาท

          ทั้งนี้ ได้เริ่มพัฒนาปรับพื้นที่โครงการ "ZEN by Sivalai" ในเฟสแรกมาตั้งแต่กลางปี 2564 ซึ่งในเฟสแรกเป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียวและบ้านเดี่ยว 2 ชั้น จำนวน 48 ยูนิต โดยเปิดการขาย (presale) ตั้งแต่ปีใหม่ 2565 ที่ผ่านมา ขณะนี้มียอดจองแล้วจำนวน 14 หลัง หรือราว 20-30%

          นายสรนันท์กล่าวว่า ทางกลุ่มค่อนข้าง มีความมั่นใจต่อการลงทุนครั้งนี้ เนื่องจากแนวโน้มของอสังหาริมทรัพย์ยังคงมีทิศทางที่ดีและยังมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ด้วยปัจจัยสำคัญคือ real demand ในตลาดที่ยังมีความต้องการบ้านอย่างแท้จริง โดยเฉพาะกลุ่มคนยุคใหม่ ที่เป็นลูกค้ากลุ่มใหม่ เป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักของโครงการ แบ่งเป็นกลุ่มลูกค้าในท้องถิ่นเชียงใหม่ 80% และอีก 20% เป็นลูกค้าจากกรุงเทพฯ ที่ต้องการซื้อบ้านหลังที่ 2 ซึ่งพบว่าส่วนใหญ่ส่งลูกมาเรียนหนังสือในจังหวัดเชียงใหม่

          สำหรับโครงการ "ZEN by Sivalai" บ้านทุกหลังได้ถูกออกแบบให้สอดรับกับการใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ ดีไซน์ทันสมัย (modern style) ออกแบบบ้านให้มีขนาดที่ใหญ่และกว้างขึ้น เน้นความโปร่งสบาย ใช้วัสดุการก่อสร้างและออกแบบที่ได้มาตรฐานสูง เพิ่มฟังก์ชั่น การใช้งานให้สามารถใช้ทุกพื้นที่ในบ้านได้อย่างคุ้มค่า สามารถทำงานที่บ้านได้ ซึ่งคนในยุคนี้จะใช้เวลาอยู่ที่บ้านนานขึ้น จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19

          "โครงการ ZEN by Sivalai จะมีทั้งบ้านเดี่ยวชั้นเดียว บ้านเดี่ยว 2 ชั้น บ้านทาวน์โฮมหน้ากว้าง บ้านแฝดผนังแยกรวมทั้งหมด 300 ยูนิต ซึ่งคาดว่าจะเริ่มพัฒนาเฟสที่ 2 คือบ้านแฝดและทาวน์โฮม และเปิดให้จองได้ราวกลางปี 2566 โดยตามแผนที่วางไว้จะพัฒนาโครงการทั้งหมดให้แล้วเสร็จภายใน 6 ปี ตั้งเป้ายอดโอนปีละ 50 หลัง" นายสรนันท์กล่าว

          อนึ่ง ช่วงเดือนกันยายน 2564 ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) เปิดเผยผลสำรวจภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยของภาคเหนือ มีการชะลอตัวอย่างมากในด้านอุปทานของหน่วยเปิดขายใหม่ ซึ่งจำนวนหน่วยลดลงร้อยละ -56.6 และมูลค่าลดลงร้อยละ -61.2 โดยเป็นการลดลงมากในส่วนของอาคารชุดเปิดขายใหม่ถึงร้อยละ -89.9 แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการมีการชะลอตัวในการพัฒนาโครงการใหม่ หากมองภาพรวมทั้งปี 2564 คาดว่าจะมีหน่วยที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่เข้าสู่ตลาดเพียงประมาณ 2,939 หน่วย มีหน่วยรอการขายสะสมประมาณ 15,393 หน่วย

          คาดการณ์ว่าในปี 2565 หากมีการกระจายวัคซีนได้ทั่วถึงจะทำให้สถานการณ์ที่อยู่อาศัยปรับตัวดีขึ้น คาดว่าจะมีที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่จะเข้าสู่ตลาดภาคเหนือจำนวนประมาณ 4,412 หน่วย มูลค่ารวมประมาณ 13,095 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการบ้านจัดสรรประมาณ 3,492 หน่วย มูลค่ารวมประมาณ 10,441 ล้านบาท และโครงการอาคารชุดประมาณ 920 หน่วย มูลค่ารวมประมาณ 2,654 ล้านบาท โดยคาดว่าในช่วงครึ่งแรกปี 2565 อัตราการขยายตัวของหน่วยโครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่จะเพิ่มขึ้นกว่าช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 ถึงร้อยละ 148.1 และคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 9.0 ในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 ในขณะที่มูลค่าในครึ่งแรกของปี 2565 จะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 158.6 และเริ่มชะลอการขยายตัวในช่วงครึ่งหลังปี 2565

          และในปี 2565 คาดการณ์ว่าจะมีหน่วยขายได้ใหม่จำนวนประมาณ 4,990 หน่วย มูลค่ารวม 16,365 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการบ้านจัดสรรประมาณ 3,649 หน่วย มูลค่ารวมประมาณ 12,612 ล้านบาท และโครงการอาคารชุดประมาณ 1,341 หน่วย มูลค่ารวมประมาณ 3,753 ล้านบาท โดยคาดว่าในช่วงครึ่งแรกปี 2565 ตลาดที่อยู่อาศัยในภาคเหนือจะมียอดขายที่ดีขึ้นกว่าครึ่งแรกของปี 2564 ร้อยละ 26.5 และคาดว่าจะชะลอตัวลดลงร้อยละ -4.9 ในช่วงครึ่งหลังของปี 2565