อสังหาฯ อัด5แสนล้านรับสัญญาณฟื้นตัวปี65
Loading

อสังหาฯ อัด5แสนล้านรับสัญญาณฟื้นตัวปี65

วันที่ : 25 พฤศจิกายน 2564
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC ) คาดการณ์ ปีหน้า จะมีที่อยู่อาศัยใหม่เกิดขึ้นใน 27 จังหวัดสำคัญ อย่างกรุงเทพฯ - ปริมณฑล เขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก ตลอดจนจังหวัดหัวเมืองใหญ่
          อนันดาปลุกเชื่อมั่น

          เปิดประเทศ-มาตรการรัฐ ปี2565 เศรษฐกิจ-อสังหาฯ ส่งสัญญาณเริ่มฟื้นตัว "REIC" คาดการณ์ปีหน้า ปักธงสะพัดเฉียด 5 แสนล้านบาท 1.18 แสนหน่วย บิ๊กเนมสาดเม็ดเงินชิงขึ้นโครงการใหม่สนั่น อนันดา สร้างปรากฎการณ์ฉีกตลาดกระหึ่มโชเชียล 7 โครงการหรู พฤกษาปูพรม 35 โครงการ3 หมื่นล้าน แสนสิริคาดใกล้เคียงปี 64

          ปัจจัยบวกจากการเปิดประเทศ และมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่องของรัฐบาล ส่งผลให้ ช่วงโค้งท้ายปี 2564 ต่อถึงปี 2565 ผู้ประกอบการวางแผนเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ กันอย่างคึกคัก รองรับกำลังซื้อที่กำลังจะกลับมา

          อสังหาฯ สะพัดเฉียด 5 แสนล.

          สะท้อนจาก ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC ) คาดการณ์ ปีหน้า จะมีที่อยู่อาศัยใหม่เกิดขึ้นใน 27 จังหวัดสำคัญ อย่างกรุงเทพฯ - ปริมณฑล เขตเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซี ตลอดจนจังหวัดหัวเมืองใหญ่ ประมาณ 118,000 หน่วยมูลค่า 490,000 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 41.55% และมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 50.85%เมื่อเทียบกับปี 2564 นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการ REIC เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ปี 2565 เริ่มส่งสัญญาการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศไปพร้อมกับธุรกิจอสังหาฯ ทั้งตลาดแนวราบ และคอนโดมิเนียมจะขยายตัวไปพร้อมกันทั้งสองขา ไม่เพียงแต่เฉพาะบ้านแนวราบ พิจารณาได้จาก ผู้ประกอบการรายใหญ่มักพัฒนาคอนโดมิเนียม บีโอไอ หรือคอนโดมิเนียมที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน จากภาครัฐ ในราคาจับต้องได้เริ่มมีมากขึ้น

          ผลพวงเกิดจาก นโยบายการเปิดประเทศของรัฐบาล ภาพรวมเศรษฐกิจขยายตัว เอกชนเคลื่อนไหวธุรกิจเกิดการจ้างงานรายได้ครัวเรือนดีขึ้น มีความมั่นคงในอาชีพ รัฐมีมาตราการกระตุ้นอสังหาฯต่อเนื่องไปจนถึงปี2565 อย่างการผ่อนคลายเกณฑ์ แอลทีวี หรือวงเงินปล่อยกู้ต่อมูลค่าหลักประกันที่อยู่อาศัยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่งผลให้ กลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ และกลุ่มลงทุนระยะยาวกลับสู่เข้าตลาด หาก สถานการณ์โควิด-19 ไม่กลับมาระบาดใหญ่อีกระลอก

          อนันดา ปลุกความเชื่อมั่น

          ขณะความเคลื่อนไหว ของค่ายอสังหาฯ ที่ล่าสุดได้สร้างปรากฎการณ์กระหึ่มโซเซียล และยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง สำหรับการปลุกใจ ปลุกความเชื่อมั่นของตลาด ผ่านการประกาศแผนการลงทุนใหม่ปี 2565 ของ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) นำโดยนายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ว่าเตรียมกลับมารักษาแชมป์ Urban Developer หรือ ผู้นำการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับคนเมืองอีกครั้ง หลังมั่นใจเศรษฐกิจไทยและตลาดอสังหาฯ ว่าจะกลับมาแน่ โดยลุยเปิดโครงการใหม่ 7 โครงการ มูลค่า 2.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งผกผันจากปี 2564 อย่างชัดเจน หลังอนันดาลุยเคลียร์สต็อก และไม่มีการเปิดโครงการใหม่ แม้แต่โครงการเดียวในปีนี้

          "เชื่อว่า ประเทศไทยจะเดินหน้าไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน พร้อมเชื่อมั่นตลาดผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเคยไม่แน่นอนผันผวน จะเริ่มกลับมาฟื้นตัวเร็วๆนี้ "หวังว่า การประกาศแผนของอนันดา จะเป็นจุดเปลี่ยนของตลาด ให้เริ่มตื่นตัวและกลับมาคึกคัก"

          ทั้งนี้ 1 ใน 7 โครงการใหม่ของอนันดาปี 2565 ถูกจับตามากที่สุด ถึงการเตรียมปั้นที่ดินติดถนนพระราม 4 ทำเลกลางเมืองที่กำลังร้อนแรงสุด มาพัฒนาเป็นตึกสูง เทควิวสวนลุมพินี เปิดไฮไลท์ว่าจะเป็นโครงการแรกของโลก ที่ห้องจะถูกออกแบบเป็นกระจกใส โค้งเว้า ยื่นออกไปนอกตัวตึก ราว 20 หน่วย ราคาขายเริ่มต้นคาดไม่ต่ำกว่า 50-100 ล้านบาท และโครงการ พลูวิลล่า ยกบ้านมาตั้งอยู่บนคอนโดฯ ดูเพล็กซ์ 2 ชั้น ทุกหน่วยมีพลูวิลล่าทุกหลัง 1 โครงการมีเพียง 40 หน่วยสะท้อนถึงความมั่นใจ และกล้าฉีกแหวกแนว ด้วยการลงทุนโครงการราคาแพงในปีหน้า

          พฤกษา ตั้งเป้าโต10%

          ด้านขาใหญ่วงการ นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. พฤกษา เรียลเอสเตท เผยว่า ตลาดอสังหาฯ เริ่มมีสัญญาณบวกอย่างชัดเจนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี มีปัจจัยบวกหลายแง่ โดยเฉพาะทิศทางเศรษฐกิจ ทำให้เกิดความมั่นใจในการลงทุน สำหรับปี 2565 นั้น ตั้งเป้าเติบโตมากกว่า 10 % เตรียมเปิดโครงการใหม่ราว 31-35 โครงการ มูลค่าราว 2.5- 3 หมื่นล้านบาท เน้นเปิดบ้านเดี่ยวมากขึ้น เพื่อจับกลุ่มลูกค้าฐานรายได้ 4 หมื่น- 2 แสนบาทต่อเดือน เนื่องจากเป็นโปรดักต์ที่มีความต้องการสูง เช่น ทาวน์เฮ้าส์ 3-5 ล้าน ส่วนบ้านเดี่ยวราคา 5-7 ล้านบาท ขณะตลาดคอนโดฯ คาดต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีนน่าจะกลับมาได้ในช่วงกลางปีหน้า ฉะนั้นเตรียมเปิดโครงการใหม่อย่างต่ำ 6 โครงการจากที่ดินที่มีรองรับในมือราว 2 หมื่นล้านบาท คาดภาพรวมตลาดอสังหาฯ ปี 2565 น่าจะเติบโตได้มากกว่า 10%

          ลุยโปรเจ็กต์ใหญ่

          สำหรับรายใหญ่ในตลาดบ้านหรู บมจ. พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ซึ่งตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ผ่านมรสุมด้านการทำยอดขาย และรายได้ ถึงขั้นติดลบนั้น ล่าสุดหลังจากปิดดีลการขายโรงแรมสกีญี่ปุ่น คิโรโระ รีสอร์ท กำเงิน 15,000 ล้านเยนนายศานิต อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ระบุว่า นอกจากจะใช้เพื่อชำระหนี้คืนให้กับสถาบันการเงิน ส่วนหนึ่งจะนำมาโฟกัสการขยายโครงการขนาดใหญ่ในประเทศอีกครั้ง ตามแผนมูลค่าการลงทุนใหม่ราว 19,400 ล้านบาท ผ่านการเปิดตัวโครงการใหม่ 14 โครงการ โดยปัจจัยบวกที่หนุนแผนการลงทุน คือ สถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลาย ประกอบกับการผ่อนคลายมาตรการ แอลทีวีฟื้นกำลังซื้อนั่นเอง

          ด้าน บมจ.โนเบิล มีข้อมูลเปิดเผยมาเบื้องต้น ว่า ในปี 2565 นั้น จะกลับมารีบูตการเปิดโครงการใหม่มากถึง 14 โครงการ ซึ่งเป็นทั้งโครงการใหม่ และ โครงการที่เลื่อนกำหนดการเปิดตัวมา มูลค่ารวมกันคร่าวๆ ไม่ต่ำกว่า 4.7 หมื่นล้านบาท

          หากพิจารณาสไตล์การลงทุนของโนเบิล หลักใหญ่ยังให้ความสำคัญกับทำเลที่ตั้งโครงการ ที่ดินที่ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต้องการสูง ระดับไฮเอนด์ และมีแผนว่าเตรียมปั้นพอร์ตแนวราบ ในรูปแบบคอนโดฯ โลว์ไรส์ ซึ่งมีจุดเด่น ระยะเวลาก่อสร้างสั้น ช่วยหนุนยอดขายและรายได้ได้อย่างรวดเร็ว

          แสนสิริ ใกล้เคียงปี 64

          ขณะ บมจ. แสนสิริ แม้ล่าสุด ยังไม่มีแผนการลงทุนธุรกิจใหม่ สำหรับปี 2565 อย่างชัดเจน แต่คาดมูลค่าการเปิดตัวโครงการใหม่ คงไม่ต่ำกว่าปี 2564 ที่ลุยเปิดโครงการหลายเซ็กเม้นท์ ครอบคลุมทั้ง บ้าน-คอนโดฯ-ทาวน์โฮม มากถึง 24 โครงการ รวมมูลค่า 2.6 หมื่นล้านบาท ล่าสุดประกาศรับซื้อที่ดินจำนวนมาก ใน 7 ทำเลสำคัญ ของกทม. นายอุทุย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการบริษัท ระบุ สถานการณ์โควิดที่เริ่มคลี่คลาย พลิกฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมา มองแง่บวกถึงทิศทางในปี 2565

          โอเชียน บุกยาว

          ด้านบริษัทพัฒนาอสังหาฯหัวเมืองท่องเที่ยว ใหญ่ นายธีร ชุติวราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โอเชี่ยน คอมเมิรช (OCEAN) แผนการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทฯ  พร้อมบุกตลาดอย่างเต็มรูปแบบ รองรับการเติบโตในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า (2565-2568) โดยมีมูลค่าเกือบหมื่นล้านบาท