อสังหาฯภาคตะวันออก EEC เหลือขายกว่า 6.8 หมื่นยูนิต
วันที่ : 5 มิถุนายน 2564
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เผย ตลาดที่อยู่อาศัย EEC ชะลอตัว เหตุเพราะกำลังซื้อที่ลดลงอย่างมาก
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ คาดปี 2564 มีจำนวนยูนิตเหลือขายในพื้นที่ EEC 3 จังหวัดภาคตะวันออก ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา รวม 68,170 ยูนิต แม้จำนวนยูนิตเปิดใหม่รวมจะมีเพียง 15,300 ยูนิต แต่เนื่องจากพบว่า ณ สิ้นปี 2563 มีจำนวนที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างเสนอขายจำนวนทั้งสิ้น 979 โครงการ จำนวน 75,362 ยูนิต โดยมียูนิตเหลือขายทั้งสิ้น 64,575 ยูนิต
จากการสำรวจตลาดที่อยู่อาศัยในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัดชลบุรี ระยอง และ ฉะเชิงเทรา หรือพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) พบว่า ณ สิ้นปี 2563 มีจำนวนที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างเสนอขายจำนวนทั้งสิ้น 979 โครงการ จำนวน 75,362 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 254,832 ล้านบาท ลดลงจาก ช่วงครึ่งปีแรก -3.3% มีโครงการที่เปิดขาย ใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังเพียง 8,586 ยูนิตแบ่งเป็นอาคารชุด 3,720 ยูนิตและบ้านจัดสรร 4,866 ยูนิตรวมมียูนิตเหลือขายทั้งสิ้น 64,575 ยูนิต มูลค่า 221,579 ล้านบาท ลดลง -5.2%
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า พื้นที่ EEC เข้ามามีบทบาทความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอย่างมากในช่วงเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะจังหวัดชลบุรีถือว่ามีบทบาทความสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากหากพิจารณาจากการขอใบอนุญาตจัดสรร พบว่ามีจำนวนโครงการคิดเป็น 8.3% ของประเทศ
โดยภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยจังหวัดชลบุรี ปี 2563 จากผลสำรวจ ณ ครึ่งหลังปี 2563 พบว่ามีโครงการเปิดขายใหม่จำนวน 6,392 ยูนิตคิดเป็น 12.3% ของประเทศ ส่งผลให้ยอดรวมเพิ่มขึ้นเป็น 49,336 ยูนิตหรือคิดเป็น 14.1% ของประเทศ มียูนิตขายได้ใหม่ 6,883 ยูนิต คิดเป็น 13.3% ของประเทศ มีที่อยู่อาศัยรอการขายจำนวน 42,453 ยูนิตคิดเป็น 14.2% ของประเทศ และมีการโอนกรรมสิทธิ์จำนวนทั้งสิ้น 13,124 ยูนิตคิดเป็น 7.5% ของประเทศ
ในจำนวนดังกล่าวแบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมทั้งสิ้น 23,535 ยูนิตมูลค่าประมาณ 110,898 ล้านบาท ส่วนโครงการบ้านเดี่ยว มีจำนวนยูนิตเสนอขายทั้งสิ้น 6,256 ยูนิต มูลค่า 29,306 ล้านบาท บ้านแฝดมียูนิตเสนอขายทั้งสิ้น 5,100 ยูนิตมูลค่า 15,463 ล้านบาท และทาวน์เฮาส์ มีจำนวนยูนิตเสนอขายทั้งสิ้น 13,493 ยูนิตมูลค่า 27,622 ล้านบาท
สำหรับปี 2564 คาดการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในจังหวัดชลบุรีชะลอตัวต่อเนื่องจากปี 2563 ผลจาก COVID-19 ประมาณการทั้งปี จะมียูนิตเปิดขายใหม่ จำนวน 9,348 ยูนิต มูลค่า 36,037 ล้านบาท แต่จะมียูนิตขายได้ใหม่ประมาณ 12,494 ยูนิต มูลค่า 140,348 ล้านบาท และจะมียูนิตเหลือขาย ณ สิ้นปี 2564 ประมาณ 45,245 ยูนิต มูลค่า 163,559 ล้านบาท
ขณะที่ตลาดที่อยู่อาศัยในจังหวัดระยอง ปี 2564 คาดการณ์ว่าจะมียูนิตเปิดใหม่ จำนวน 4,719 ยูนิต มูลค่า 12,272 ล้าน จะมียูนิตเหลือขาย ณ สิ้นปี 2564 ประมาณ 16,751 ยูนิต และสำหรับตลาดที่อยู่อาศัยในจังหวัดฉะเชิงเทรา ปี 2564 ยูนิตเปิดขายใหม่คาดว่าจะมีจำนวน 1,233 ยูนิต มียูนิตเหลือขาย ณ สิ้นปี 2564 ประมาณ 6,174 ยูนิต
"อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตลาดที่อยู่อาศัยในพื้นที่ EEC ในเขตพื้นที่ 3 จังหวัด มีการปรับลดลงของอุปทานอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยกำลังซื้อที่ลดลงอย่างมาก ส่งผลให้อัตราดูดซับโดยรวมลดลงเช่นเดียวกัน สถานการณ์โดยรวมจึงยังคงอยู่ในช่วงชะลอตัว" ดร.วิชัย กล่าว
จากการสำรวจตลาดที่อยู่อาศัยในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัดชลบุรี ระยอง และ ฉะเชิงเทรา หรือพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) พบว่า ณ สิ้นปี 2563 มีจำนวนที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างเสนอขายจำนวนทั้งสิ้น 979 โครงการ จำนวน 75,362 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 254,832 ล้านบาท ลดลงจาก ช่วงครึ่งปีแรก -3.3% มีโครงการที่เปิดขาย ใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังเพียง 8,586 ยูนิตแบ่งเป็นอาคารชุด 3,720 ยูนิตและบ้านจัดสรร 4,866 ยูนิตรวมมียูนิตเหลือขายทั้งสิ้น 64,575 ยูนิต มูลค่า 221,579 ล้านบาท ลดลง -5.2%
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า พื้นที่ EEC เข้ามามีบทบาทความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอย่างมากในช่วงเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะจังหวัดชลบุรีถือว่ามีบทบาทความสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากหากพิจารณาจากการขอใบอนุญาตจัดสรร พบว่ามีจำนวนโครงการคิดเป็น 8.3% ของประเทศ
โดยภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยจังหวัดชลบุรี ปี 2563 จากผลสำรวจ ณ ครึ่งหลังปี 2563 พบว่ามีโครงการเปิดขายใหม่จำนวน 6,392 ยูนิตคิดเป็น 12.3% ของประเทศ ส่งผลให้ยอดรวมเพิ่มขึ้นเป็น 49,336 ยูนิตหรือคิดเป็น 14.1% ของประเทศ มียูนิตขายได้ใหม่ 6,883 ยูนิต คิดเป็น 13.3% ของประเทศ มีที่อยู่อาศัยรอการขายจำนวน 42,453 ยูนิตคิดเป็น 14.2% ของประเทศ และมีการโอนกรรมสิทธิ์จำนวนทั้งสิ้น 13,124 ยูนิตคิดเป็น 7.5% ของประเทศ
ในจำนวนดังกล่าวแบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมทั้งสิ้น 23,535 ยูนิตมูลค่าประมาณ 110,898 ล้านบาท ส่วนโครงการบ้านเดี่ยว มีจำนวนยูนิตเสนอขายทั้งสิ้น 6,256 ยูนิต มูลค่า 29,306 ล้านบาท บ้านแฝดมียูนิตเสนอขายทั้งสิ้น 5,100 ยูนิตมูลค่า 15,463 ล้านบาท และทาวน์เฮาส์ มีจำนวนยูนิตเสนอขายทั้งสิ้น 13,493 ยูนิตมูลค่า 27,622 ล้านบาท
สำหรับปี 2564 คาดการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในจังหวัดชลบุรีชะลอตัวต่อเนื่องจากปี 2563 ผลจาก COVID-19 ประมาณการทั้งปี จะมียูนิตเปิดขายใหม่ จำนวน 9,348 ยูนิต มูลค่า 36,037 ล้านบาท แต่จะมียูนิตขายได้ใหม่ประมาณ 12,494 ยูนิต มูลค่า 140,348 ล้านบาท และจะมียูนิตเหลือขาย ณ สิ้นปี 2564 ประมาณ 45,245 ยูนิต มูลค่า 163,559 ล้านบาท
ขณะที่ตลาดที่อยู่อาศัยในจังหวัดระยอง ปี 2564 คาดการณ์ว่าจะมียูนิตเปิดใหม่ จำนวน 4,719 ยูนิต มูลค่า 12,272 ล้าน จะมียูนิตเหลือขาย ณ สิ้นปี 2564 ประมาณ 16,751 ยูนิต และสำหรับตลาดที่อยู่อาศัยในจังหวัดฉะเชิงเทรา ปี 2564 ยูนิตเปิดขายใหม่คาดว่าจะมีจำนวน 1,233 ยูนิต มียูนิตเหลือขาย ณ สิ้นปี 2564 ประมาณ 6,174 ยูนิต
"อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตลาดที่อยู่อาศัยในพื้นที่ EEC ในเขตพื้นที่ 3 จังหวัด มีการปรับลดลงของอุปทานอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยกำลังซื้อที่ลดลงอย่างมาก ส่งผลให้อัตราดูดซับโดยรวมลดลงเช่นเดียวกัน สถานการณ์โดยรวมจึงยังคงอยู่ในช่วงชะลอตัว" ดร.วิชัย กล่าว
ข่าวอสังหาริมทรัพย์ภูมิภาค อื่นๆ