โรคระบาดกดฟุบยาวตั้งแต่ปี 63 ชี้ขายออกมากสุด2-3 ล้านบาท

          นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารและรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยถึงการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่ภาคเหนือ ว่าแนวโน้มของสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยภาคเหนือยังคงมีภาวะชะลอตัวต่อเนื่องจากปี 2563 ผลจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ช่วงครึ่งแรกของปี 2564 จึงทำให้ตลาดทั้งปี 2564 มีภาวะชะลอตัวเช่นเดียวกับปี 2563 ตลาดจะเริ่มฟื้นตัวครึ่งหลัง แต่ยังไม่ดีขึ้นมากต้องรอถึงปี 2565-2567 ทั้งนี้ ถ้าอุปทาน (ซัพพลาย) ใหม่ปรับตัว ลงคาดว่าความต้องการเหลือขายจะทรงตัว หรือเพิ่มขึ้น จากปี 2563 เพียงเล็กน้อย

          นายวิชัยกล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่ อุปทานที่อยู่อาศัยทั้งหมดในตลาดมีอัตราลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ที่ -4.4% จำนวน 10,955 หน่วย โครงการเปิดขายใหม่ครึ่งหลังปี 2563 เพียง 1,239 หน่วย มีอัตราลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 คิดเป็น -20.3% มีหน่วยขายได้ใหม่ 1,454 หน่วย การขายได้ใหม่นี้ลดลงถึง -37.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เมื่อจำแนกตามราคา หน่วยขายได้ใหม่มากที่สุดคือช่วงราคา 2.01-3.00 ล้านบาท จำนวน 517 หน่วย คิดเป็น 35.5% ของหน่วยขายได้ใหม่ จังหวัดเชียงราย อุปทานที่อยู่อาศัยทั้งหมดในตลาดเพิ่มขึ้น 10.9% มีจำนวน 3,337 หน่วย โครงการเปิดขายใหม่ในครึ่งหลังปี 2563 เพียง 738 หน่วย ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2562 ที่ -40.4% มีหน่วยขายได้ใหม่ 437 หน่วย เพิ่มขึ้นถึง 46.2% จำแนกตามราคา หน่วยขายได้ใหม่มากที่สุดอยู่ในช่วงราคา 2.01-3.00 ล้านบาท จำนวน 139 หน่วย คิดเป็น 31.8% ของหน่วยขายได้ใหม่

          ด้านจังหวัดพิษณุโลก อุปทานที่อยู่อาศัยทั้งหมดในตลาดมีอัตราเพิ่มขึ้น 31.9% จำนวน 3.422 หน่วย เป็นโครงการเปิดขายใหม่ในครึ่งหลังปี 2563 เพียง 194 หน่วย หน่วยขายได้ใหม่ 142 หน่วย เพิ่มขึ้น 6.0% หน่วยขายได้ใหม่มากที่สุดช่วงราคา 3.01-5.00 ล้านบาท จำนวน 60 หน่วย คิดเป็น 42.2% ของหน่วยขายได้ใหม่ และจังหวัดตาก อุปทานที่อยู่อาศัยทั้งหมดในตลาดเพิ่มขึ้น 10.6% จำนวน 856 หน่วย เป็นโครงการเปิดขายใหม่ในครึ่งหลังปี 2563 เพียง 27 หน่วย ลดลง -89.8% มีหน่วยขายได้ใหม่ 38 หน่วย การขายได้ใหม่มีอัตราเทียบเท่ากับช่วงเดียวกันของปีก่อน หน่วยขายได้ใหม่มากที่สุดราคา 2.01-3.00 ล้านบาท มีจำนวน 17 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 44.7% ของหน่วยขายได้ใหม่

           นายวิชัยกล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยภาคตะวันออกในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ได้แก่ จังหวัดชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา สัดส่วน 16.5% ของอสังหาฯทั่วประเทศ มูลค่า 3 หมื่นล้านบาท สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในพื้นที่ชลบุรี จำหน่ายส่วนใหญ่เป็นทาวน์เฮาส์ตามพื้นที่อุตสาหกรรม ระยอง ทิศทางก่อสร้างลดลง อัตราการขายชะลอตัว ขณะที่ฉะเชิงเทรา น่ากังวล แม้ว่าจะมีนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐในการสร้างที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับอีอีซีแล้วแต่ไม่เติบโตเท่าที่ควร ด้วยปัจจัยหลายอย่างๆ ที่เป็นรองกว่าชลบุรีและระยอง