ดีเฮ้าส์ ปูพรมอสังหาฯยึดมหาสารคาม
วันที่ : 9 พฤศจิกายน 2563
ดีเฮ้าส์พัฒนา ผุดโครงการ มิกซ์ยูส U PARK
"ดีเฮ้าส์พัฒนาฯ" มั่นใจจังหวัดมหาสารคามมีศักยภาพเติบโตสูง จากการเป็นเมืองแห่งการศึกษา มีนักศึกษาและบุคลากรกว่า 60,000 คน หนุนธุรกิจเกี่ยวเนื่องโต ดีมานด์ภาคอสังหาฯ ต่อปีไม่ต่ำกว่า 10% เดินหน้าต่อโครงการมิกซ์ยูส U Park ทำแผนเสนอบอร์ดพัฒนาคอนโดฯปี 2564 รุกธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจปั๊มน้ำมัน รองรับแผนสร้างรายได้ประจำในอนาคต
นายพงศ์พจน์ เลิศรุ้งพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีเฮ้าส์พัฒนา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงศักยภาพของจังหวัดมหาสารคามว่า เศรษฐกิจโดยรวมของจังหวัดมหาสารคามมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 10% จากการเป็นเมืองแห่งการศึกษา ที่มีนักศึกษาและบุคลากรที่เกี่ยวข้องจำนวน 62,271 คน ทำให้เกิดการค้าขาย การลงทุนในภาคธุรกิจ ส่งผลให้เกิดความต้องการด้านอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นเช่นกัน และเนื่องจากจังหวัดมหาสารคามเป็นจังหวัดที่ไม่ได้พึ่งพิงการท่องเที่ยว ส่งผลให้ความ เชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และยังมีกำลังซื้อ โดยตามข้อมูลภาคอสังหาฯ ในปี 2562 มีหน่วยโอนประมาณ 1,057 หน่วย มูลค่าการโอนประมาณ 1,235 ล้านบาท
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทหลังเข้าระดมทุนแล้ว ยังคงเดินหน้าตามแผนที่ระบุในหนังสือชี้ชวน โดยเริ่มจากการเดินหน้าโครงการ U Park โครงการมิกซ์ยูส ตรงข้ามม.มหาสารคาม ซึ่งในส่วนนี้จะนำที่ดินประมาณ 40 ไร่ จากทั้งหมด 74 ไร่ พัฒนาเป็นโครงการบ้านจัดสรรคุณภาพในราคาที่เหมาะสม จำนวน 249 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวม 607.07 ล้านบาท คาดการณ์เปิดขายโครงการในไตรมาสแรกปี 2564
"สิ่งที่เราจะทำต่อบนแลนด์แบงก์ที่เหลือในโครงการ U Park มีทั้งเรื่องธุรกิจค้าปลีกและธุรกิจการเปิดสถานีบริการปั๊มน้ำมัน ปตท. เพื่อสร้างรายได้ประจำในอนาคต และเตรียมเสนอคณะกรรมการ บริษัทฯ เพิ่มเติมใน 2 โครางการ ได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียม M Park จำนวน 1,500 ยูนิต และ River Condo มูลค่าโครงการ 321.72 ล้านบาท ราคาเริ่มต้นต่ำกว่า 1 ล้านบาท และโครงการแกรนด์บิซ 2 อาคารพาณิชย์ จำนวน 40 ยูนิต มูลค่าโครงการ 127.60ล้านบาท คาดเปิดการขายในไตรมาส 2 ปีหน้า"
นอกจากนี้ มีแผนจะขยายไปหัวเมืองใหญ่ในจังหวัดอื่นๆ ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงสุด 5 อันดับแรกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น ขอนแก่น อุบลราชธานี โคราช และอุดรธานี โดยตั้งเป้าการเติบโตระยะ 3-5 ปี มีรายได้แตะ 1,000 ล้านบาท
นายอรรถ เลิศรุ้งพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีเฮ้าส์พัฒนาฯ กล่าวเสริมว่า ในครึ่งปีหลัง ธุรกิจของบริษัทมีแนวโน้มเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก ซึ่งหลังจากปลดล็อกดาวน์แล้ว โครงการของดีเฮ้าส์ ยังคงได้รับนิยม มีลูกค้าสนใจจองซื้ออย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ในไตรมาส 3 ปี 63 มียอดโอนจำนวน 22 ยูนิต รวมมูลค่ารวม 70.42 ล้านบาท มียอดจองคงเหลือรอโอนจำนวน 18 หลัง รวมมูลค่าประมาณ 58.05 ล้านบาท และคาดว่าไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ จะเริ่มโอนโครงการ พฤกภิรมย์ได้ ทำให้ภาพรวมของบริษัทในปีนี้ จะมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 10% ของมูลค่าตลาด และคาดว่าในปี 2564 บริษัทจะมีอัตราเติบโตประมาณ 20% และหากสถานการณ์และภาพรวมเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น อาจะทำให้บริษัทมีเติบโตได้ถึง 50%
นายพงศ์พจน์ เลิศรุ้งพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีเฮ้าส์พัฒนา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงศักยภาพของจังหวัดมหาสารคามว่า เศรษฐกิจโดยรวมของจังหวัดมหาสารคามมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 10% จากการเป็นเมืองแห่งการศึกษา ที่มีนักศึกษาและบุคลากรที่เกี่ยวข้องจำนวน 62,271 คน ทำให้เกิดการค้าขาย การลงทุนในภาคธุรกิจ ส่งผลให้เกิดความต้องการด้านอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นเช่นกัน และเนื่องจากจังหวัดมหาสารคามเป็นจังหวัดที่ไม่ได้พึ่งพิงการท่องเที่ยว ส่งผลให้ความ เชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และยังมีกำลังซื้อ โดยตามข้อมูลภาคอสังหาฯ ในปี 2562 มีหน่วยโอนประมาณ 1,057 หน่วย มูลค่าการโอนประมาณ 1,235 ล้านบาท
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทหลังเข้าระดมทุนแล้ว ยังคงเดินหน้าตามแผนที่ระบุในหนังสือชี้ชวน โดยเริ่มจากการเดินหน้าโครงการ U Park โครงการมิกซ์ยูส ตรงข้ามม.มหาสารคาม ซึ่งในส่วนนี้จะนำที่ดินประมาณ 40 ไร่ จากทั้งหมด 74 ไร่ พัฒนาเป็นโครงการบ้านจัดสรรคุณภาพในราคาที่เหมาะสม จำนวน 249 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวม 607.07 ล้านบาท คาดการณ์เปิดขายโครงการในไตรมาสแรกปี 2564
"สิ่งที่เราจะทำต่อบนแลนด์แบงก์ที่เหลือในโครงการ U Park มีทั้งเรื่องธุรกิจค้าปลีกและธุรกิจการเปิดสถานีบริการปั๊มน้ำมัน ปตท. เพื่อสร้างรายได้ประจำในอนาคต และเตรียมเสนอคณะกรรมการ บริษัทฯ เพิ่มเติมใน 2 โครางการ ได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียม M Park จำนวน 1,500 ยูนิต และ River Condo มูลค่าโครงการ 321.72 ล้านบาท ราคาเริ่มต้นต่ำกว่า 1 ล้านบาท และโครงการแกรนด์บิซ 2 อาคารพาณิชย์ จำนวน 40 ยูนิต มูลค่าโครงการ 127.60ล้านบาท คาดเปิดการขายในไตรมาส 2 ปีหน้า"
นอกจากนี้ มีแผนจะขยายไปหัวเมืองใหญ่ในจังหวัดอื่นๆ ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงสุด 5 อันดับแรกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น ขอนแก่น อุบลราชธานี โคราช และอุดรธานี โดยตั้งเป้าการเติบโตระยะ 3-5 ปี มีรายได้แตะ 1,000 ล้านบาท
นายอรรถ เลิศรุ้งพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีเฮ้าส์พัฒนาฯ กล่าวเสริมว่า ในครึ่งปีหลัง ธุรกิจของบริษัทมีแนวโน้มเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก ซึ่งหลังจากปลดล็อกดาวน์แล้ว โครงการของดีเฮ้าส์ ยังคงได้รับนิยม มีลูกค้าสนใจจองซื้ออย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ในไตรมาส 3 ปี 63 มียอดโอนจำนวน 22 ยูนิต รวมมูลค่ารวม 70.42 ล้านบาท มียอดจองคงเหลือรอโอนจำนวน 18 หลัง รวมมูลค่าประมาณ 58.05 ล้านบาท และคาดว่าไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ จะเริ่มโอนโครงการ พฤกภิรมย์ได้ ทำให้ภาพรวมของบริษัทในปีนี้ จะมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 10% ของมูลค่าตลาด และคาดว่าในปี 2564 บริษัทจะมีอัตราเติบโตประมาณ 20% และหากสถานการณ์และภาพรวมเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น อาจะทำให้บริษัทมีเติบโตได้ถึง 50%
ข่าวอสังหาริมทรัพย์ภูมิภาค อื่นๆ