ครม.เคาะสายสีส้ม มูลค่า1.28แสนล. ดึงเอกชนลงทุน30ปี
Loading

ครม.เคาะสายสีส้ม มูลค่า1.28แสนล. ดึงเอกชนลงทุน30ปี

วันที่ : 29 มกราคม 2563
ครม.อนุมัติรถไฟฟ้าสายสีส้ม ดึงเอกชนร่วมลงทุน PPP มูลค่า 1.28 แสนล. รับสัมปทานบริหารเดินรถตลอดสาย 30 ปี คาด รฟม.เปิดประมูลในต.ค. 63 ขณะที่เร่งก่อสร้างส่วนตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) เร่งเปิดเดินรถก่อนในปี 66
          ครม.เคาะสายสีส้ม มูลค่า 1.28 แสนล.

          ครม.อนุมัติรถไฟฟ้าสายสีส้ม ดึงเอกชนร่วมลงทุน PPP มูลค่า 1.28 แสนล. รับสัมปทานบริหารเดินรถตลอดสาย 30 ปี คาด รฟม.เปิดประมูลในต.ค. 63 ขณะที่เร่งก่อสร้างส่วนตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) เร่งเปิดเดินรถก่อนในปี 66

          นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 28 ม.ค. มีมติอนุมัติ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์- มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ตามที่คณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (คณะกรรมการ PPP) เห็นชอบ รูปแบบ PPP Net Cost โดย ภาครัฐลงทุนค่างานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินโครงการฯ ส่วนตะวันตก (ศูนย์วัฒนธรรมฯ-บางขุนนนท์) และภาคเอกชนลงทุนค่างานโยธาโครงการฯ ส่วนตะวันตก และค่างานระบบรถไฟฟ้า ขบวนรถไฟฟ้า บริหารการเดินรถและซ่อมบำรุงรักษาทั้งเส้นทาง ตั้งแต่ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) รวมทั้งค่าจ้างที่ปรึกษาโครงการฯ โดยมีระยะเวลาเดินรถ 30 ปี โดยหลังจากนี้ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะดำเนินการ ตั้งคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่ง พระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 (พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนฯ ปี 2556) ต่อไป

          นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.ที่ประชุม อนุมัติโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี โดยจะเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนรูปแบบ PPP Net Cost ซึ่งภาครัฐลงทุนค่างานจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินโครงการส่วนตะวันตก ส่วนเอกชนลงทุนค่างานโยธาและระบบ โดยรัฐ จะทยอยจ่ายคืนระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 10 ปี และเอกชนบริหารการเดินรถและซ่อมบำรุงรักษาทางเส้นทางตั้งแต่ช่วงบางขุนนนท์ถึงมีนบุรี มีระยะเวลา 30 ปี นับจากเริ่มเปิดให้บริการโครงการ ส่วนตะวันออกที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2566 เป็นต้นไป ซึ่ง รฟม.จะประกาศคัดเลือกเอกชนภายในเดือน ต.ค.นี้ และสรุปผลประมูลต้นปี 2564

          สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มนั้น เอกชนเป็นผู้จัดเก็บค่าโดยสารและรับความเสี่ยงด้าน รายได้ค่าโดยสาร รายได้จากการพัฒนาเชิงพาณิชย์ และรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานทั้งหมด โดยภาครัฐไม่มีภาระสนับสนุนทางการเงิน (Subsidy) แก่เอกชนในส่วนงานระบบรถไฟฟ้าและขบวนรถและงานเดินรถและซ่อมบำรุงรักษาของโครงการฯ

          นอกจากนี้ ครม.ยังอนุมัติค่างานที่เกี่ยวข้องกับการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและค่าสำรวจอสังหา- ริมทรัพย์โครงการสายสีส้ม ส่วนตะวันตก ในกรอบวงเงิน 14,661 ล้านบาท โดยให้สำนักงบประมาณ จัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมตามแผนการใช้จ่ายเงินจริง และอนุมัติกรอบวงเงินสนับสนุนให้เอกชนตามที่เกิดขึ้นจริงแต่ไม่เกินวงเงินค่างานโยธา ส่วนตะวันตก จำนวน 96,012 ล้านบาท โดยรัฐทยอยชำระคืนให้เอกชนหลังจากเปิดเดินรถทั้งเส้นทางแล้ว และแบ่งจ่ายเป็นรายปี กำหนดระยะเวลาแบ่งจ่ายไม่ต่ำกว่า 10 ปี พร้อมดอกเบี้ย โดยใช้อัตราส่วนลดหรืออัตราดอกเบี้ยตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

          สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มด้าน ตะวันตก (ศูนย์วัฒนธรรมฯ-บางขุนนนท์) ระยะทาง 13.4 กม. (ใต้ดินตลอดสาย) จำนวน 11 สถานี มีค่าก่อสร้างงานโยธา/ค่าจ้างที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานโยธา 96,012 ล้านบาท ค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน มูลค่า 14,661 ล้านบาท มีพื้นที่เวนคืน รวม 505 แปลง (41 ไร่ 1 งาน 96 ตร.ว.) รวม 331 หลัง ค่างานระบบรถไฟฟ้า ขบวนรถไฟฟ้า บริหารการเดินรถและซ่อมบำรุงรักษาทั้งโครงการ ด้าน ตะวันออก-ตะวันตก ระยะทางรวม 35.9 กม. (ใต้ดิน 27 กม. + ยกระดับ 8.9 กม.) วงเงิน 32,116 ล้านบาท

          ส่วนสายสีส้ม ด้านตะวันออก ช่วงศูนย์ วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ระยะทาง 22.5 กม. (ใต้ดิน 13.6 กม. + ยกระดับ 8.9 กม.) ปัจจุบัน อยู่ระหว่างการก่อสร้างงานโยธา โดยคาดว่าจะ แล้วเสร็จในปี 2566 และจะเปิดให้บริการได้ก่อน โดยคาดว่าจะมีจำนวนผู้โดยสารประมาณ 121,599 คน/เที่ยว/วัน (ปี 2566) ส่วนด้านตะวันตกคาดว่าจะมีผู้โดยสาร 439,736 คน/เที่ยว/วัน (เปิดให้บริการในปี 2569)
 
ข่าวพัฒนาสาธารณูปโภค อื่นๆ